ตำรวจเรียกสอบพยานที่เห็นเหตุการณ์ พร้อมไล่ดูวงจรปิด ล่ามือปืน ไล่ยิงเจ้าของรีสอร์ตใน อ.ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี เชื่อวางแผนล่วงหน้า มาดักรอสังหารเหยื่อ ยังไม่ฟันธงมือปืนรับจ้าง
ความคืบหน้ากรณีมือปืนบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืน ขนาด 11 มม. ไล่ยิงนายมาโนชญ์ โพธิสุทธิ์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49 ม.1 ต.มดแดง ขณะกำลังดูการก่อสร้างห้องประชุม และตลาดนัด ข้างเชื่อมสนิทรีสอร์ต ริมถนน357 เลี่ยงเมือง-วังยาง ศรีประจันต์ ม.2 ต.มดแดง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี กระสุนเจาะเข้ากกหูซ้าย 1 นัดกระสุนฝังใน ท้ายทอย 1 นัด ชายโครงด้านซ้าย 2 นัด ใต้ลิ้นปี่ 1 นัด และแขนข้างซ้าย 1 นัด หลังเกิดเหตุคนงานรีบนำร่างส่ง รพ.พรชัย แต่นายมาโนชญ์ เสียชีวิตในเวลาต่อมา
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 ก.พ.พนักงานสอบสวน สภ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ได้เรียกพยาน รวมถึงผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ และญาติผู้ตาย เข้าให้ปากคำ และพยานคนที่เห็นคนร้ายชัดที่สุด ที่ได้ขี่รถตามคนร้ายไปแต่ตามไม่ทัน ซึ่งทางตำรวจยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากเกรงว่าจะเสียรูปคดี
โดยทางชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี พร้อมด้วย ชุดสืบสวนสภ.ศรีประจันต์ ชุดสืบสวนภาค 7 ได้แบ่งชุดกันออกไล่ดูภาพกล้องวงจรปิด ตั้งแต่ริมถนน 357 เลี่ยงเมือง-วังยาง จุดเกิดตรงที่ก่อสร้างห้องประชุม และตลาดนัด ข้างเชื่อมสนิทรีสอร์ต หลังก่อเหตุคนร้ายได้ขี่รถจยย. หลบหนีข้ามสะพานไปทางบ้านโพธิ์ท่าทราย ซึ่งจะไปเจอเส้นแยกตำบลบ้านโพธิ์ อ.เมืองสุพรรณบุรี ขณะะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องว่าคนร้ายได้เลี้ยว และหนีไปทางไหน ซึ่งต้องใช้เวลาในการไล่ดูกล้องอีกหลายจุด
พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี กล่าวว่า ยังสอบสวนหาสาเหตุในหลายประเด็น โดยไม่ตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่งทิ้ง ขอเวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานสักระยะ ขณะนี้ได้เรียกประชุมชุดสืบสวน สภ.ศรีประจันต์ กก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี สนธิกำลังกับ สืบสวน ภ.7 ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ที่คาดว่าคนร้ายจะใช้เป็นเส้นทางหลบหนี รวมถึงการสืบสวนหามูลเหตุในการลงมืออย่างอุกอาจเช่นนี้ เบื้องต้นเชื่อว่าคนร้ายวางแผนมาก่อนล่วงหน้า เพราะมีการมาดักรอ ส่วนจะเป็นมือปืนรับจ้างหรือไม่ ต้องขอเวลาตรวจสอบข้อมูลที่ชัดเจนอีกครั้ง แต่น่าจับกุมคนร้ายได้ในเวลาไม่นานนี้แน่นอน
...
ขณะที่ ศพนายมาโนชญ์ โพธิสุทธิ์ ทางญาติได้เตรียมรับศพมาบำเพ็ญกุศลที่บ้าน ที่อยู่ตรงข้ามกับเชื่อมสนิทรีสอร์ต โดยกำหนดไปรับศพที่สถาบันนิติเวชฯ กลับมาที่บ้านในช่วงบ่าย