พ่อเดินทางจาก อ.พัฒนานิคม ลพบุรี ร้องทนายรณณรงค์ ลูกสาววัย 18 ปี ถูกพาไปรุมโทรมในกระท่อมถึง 2 ครั้ง แจ้งความไว้แต่คดีเงียบ สงสัยเพราะมีนักการเมืองท้องถิ่นเอี่ยวด้วย ฝ่ายตำรวจแจงทันควัน จับผู้ต้องหาแล้ว 12 คน กำลังจะส่งฟ้อง 

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 2 ก.พ. ที่สำนักงานทนายคู่ใจ หมู่บ้านกฤษดานคร ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พ่อของหญิงสาววัย 18 ปี ชาว อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี เดินทางเข้าพบนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หลังลูกสาวถูกรุมโทรม แต่พอแจ้งความกับ ตร.สภ.พัฒนานิคม นานหลายเดือนแล้วแต่คดีไม่คืบหน้า

ทั้งนี้ พ่อเหยื่อเล่าทั้งน้ำตาว่า เมื่อต้นเดือนกันยายน 63 มีนายศุภกิจ กับพวกอีก 3 คน ซึ่งเป็นคนรู้จักกันดีและอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านเดียวกัน มาล่อลวงลูกสาวออกจากบ้านพาขึ้นรถจยย. ไปที่กระท่อมกลางไร่มัน ในละแวกหมู่บ้าน ก่อนนายศุภกิจกับพวกใช้กำลังทำร้ายร่างกายแล้วรุมโทรมจนสำเร็จความใคร่ โดยลูกสาวไม่ได้ยินยอม จากนั้นได้พามาส่งที่บ้าน

ต่อมา ช่วงต้นเดือนตุลาคม นายศุภกิจกับพวกอีก 6 คน ได้ขู่บังคับพาลูกสาวไปที่กระท่อมกลางไร่มัน เป็นครั้งที่ 2 ก่อนลงมือทำร้ายร่างกายเอามือปิดตาเรียงคิวรุมโทรมจนสำเร็จความใคร่อีก แต่ครั้งนี้ ช่วงที่ถูกปิดตาจำเสียงได้ว่าผู้ที่ร่วมก่อเหตุเป็นสมาชิกเทศบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่พัฒนานิคม และมีการถ่ายคลิปไว้เพื่อข่มขู่ลูกสาวไม่ให้เอาเรื่องไปบอกใคร จนกระทั่ง มีคนในหมู่บ้านเห็นคลิปดังกล่าว แล้วมาบอกตน จึงทราบเรื่อง ก่อนจะพาลูกสาวเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.นิพนธ์ ศรีไพบูลย์ สว.(สอบสวน) สภ.พัฒนานิคม เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 63

พ่อของผู้เสียหายกล่าวด้วยว่า หลังจากเข้าแจ้งความ ทางกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ให้ญาติมาเจรจาขอเคลียร์เรื่องให้จบ โดยเสนอเงิน จำนวน 4 แสนบาท แต่ตนไม่ยอม ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่เรื่องผ่านมาเนิ่นนาน และดูเหมือนจะเงียบไปจึงตัดสินใจเข้าพบทนายรณณรงค์เพื่อให้หาทางช่วยเหลือ

...

ทางด้าน นายรณณรงค์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องนี้เท่าที่ตรวจสอบเอกสารในการแจ้งความพบว่าทางพนักงานสอบสวนลงรับเลขคดีล่าช้าผิดปกติ ไม่รู้ว่าติดขัด เพราะมีนักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาเกี่ยวข้องในคดีนี้ด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตามในวันที่ 3 ก.พ.นี้ จะพาผู้เสียหายไปร้องทุกข์ที่กองปราบปรามอีกครั้ง เพื่อให้ช่วยคลี่คลายคดีนี้

ขณะเดียวกันที่ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี พื้นที่เกิดเหตุ หลังพ่อของผู้เสียหายได้เดินทางเข้าพบทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอความช่วยเหลือ และหาแนวทางดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ โดยระบุคดีไม่มีความคืบหน้า ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ พร้อมตำรวจชุดงานสืบสวน สภ.พัฒนานิคม ไปยังจุดเกิดเหตุคนร้ายก่อเหตุรุมโทรม

พบเหตุการณ์ครั้งแรก อยู่ในพื้นที่หมู่ 5 เป็นกระต๊อบกลางทุ่งนาตำบลดีลัง และครั้งที่ 2 ที่กระต๊อบกลางไร่มัน พื้นที่ตำบลดีลัง หมู่ 5 เช่นเดียวกัน จากการพูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ ระบุว่า สำหรับกระต๊อบที่ผู้ก่อเหตุใช้เป็นสถานที่ในการลงมือรุมโทรมทั้งสองแห่ง เป็นพื้นที่ที่เจ้าของทำไว้เพื่อเอาไว้คอยมาเฝ้านา เฝ้าไร่ของตนเอง ซึ่งไม่ได้มีการหวงห้าม ปิดกั้นพื้นที่ไว้เป็นการส่วนบุคคล จึงมักทำให้มีกลุ่มวัยรุ่นแวะเวียนเข้ามายังบริเวณกระต๊อบที่เกิดเหตุบ่อยครั้ง

จากการสอบถาม พ.ต.ท.อรงค์เดช สอาดบัว รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.พัฒนานิคม ยืนยันว่าคดี ดังกล่าวมีความคืบหน้าเป็นลำดับ ข้อมูลที่มีการแจ้งว่าคดีไม่มีความคืบหน้านั้น ตนเองยืนยันว่าคดีมีความคืบหน้าไปมาก และตำรวจได้ติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด พร้อมแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ก่อเหตุเป็นที่เรียบร้อย

พ.ต.ท.อรงค์เดช ระบุว่า เหตุการณ์ เกิดขึ้น 2 ครั้งด้วยกัน ครั้งแรกผู้ก่อเหตุ ได้ก่อเหตุเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน 2563 ครั้งที่สองเกิดเหตุเมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคม 2563 แต่ผู้เสียหายมาดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งหลังจากได้รับแจ้งความ ได้มีการประสานให้ชุดสืบสวนเร่งรัดและติดตาม ผู้ก่อเหตุทั้งหมดในทันที พร้อมทั้งได้มีการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา ฐานความผิดร่วมกันก่อเหตุลักษณะรุมโทรมหญิงฯ

ขณะที่ การตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าผู้ก่อเหตุ มีจำนวนทั้งสิ้น 12 คน โดยผู้ต้องหาทั้งหมดยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่จากการสอบปากคำผู้เสียหาย ยืนยันชัดเจนว่า ผู้ก่อเหตุทั้งหมด มีลักษณะพฤติการณ์ในการก่อเหตุที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งตรงนี้เป็นรายละเอียดในส่วนของสำนวนการสอบสวน และแต่ละคนจะมีฐานความผิดที่ต่างกันออกไป เนื่องจากมีบางคนที่มีการกระทำความผิดซ้ำในช่วงเวลาเดียวกัน เช่น นายศุภกิจ (ขอสงวนอายุและนามสกุล) ที่ก่อเหตุครั้งที่ 1 มีเพศสัมพันธ์จำนวน 1 ครั้ง และครั้งที่สองที่ก่อเหตุ มีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหายถึง 3 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม คดีที่เกิดขึ้น ทางรองผู้กำกับสอบสวน สภ.พัฒนานิคม ยืนยันว่าจะสามารถสรุปความเห็นสั่งฟ้องได้ช้าที่สุดไม่เกินสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ นอกจากนี้ ตำรวจยังแนะนำให้ผู้เสียหายไปดำเนินการ ใช้สิทธิ์ในฐานะผู้เสียหายเพื่อ เรียกร้องเงินเยียวยาจากกระทรวงยุติธรรมอีกช่องทางหนึ่งด้วย

...