นายก อบต.ท่าแค เผยกรณีเรียกเบี้ยผู้สูงอายุคืน 10 ราย มีขอชำระ 8 รายอีก 2 รายรอคำสั่งศาล ด้าน ยายแสงวัย 99 ปีบอก ไม่มีเงินเกือบ 1 แสนไปคืนหลวง ลูกหลานก็ลำบาก คงยอมติดคุก ปีหน้าอายุก็ 100 ปีแล้ว

จากที่กรมบัญชีกลางเรียกเก็บเงินเบี้ยผู้สูงอายุคืนรวมดอกเบี้ย จากได้มีการรับเงินซ้ำซ้อนจากกรณีบุตร สามี ที่รับราชการแล้วเสียชีวิต พบว่าที่ลพบุรีมี 10 ราย ที่พร้อมจ่ายและรอคำสั่งศาล จำนวน 2 ราย ซึ่งยายวัย 99 ปี ที่โดนหมายศาลเรียกเงินคืนเกือบแสนบาท ขอยอมติดคุกพร้อมปฏิเสธคืนเงินตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 29 ม.ค.64 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง อบต.ท่าแค อ.เมืองลพบุรี เพื่อขอพบ นายวรยุทธ เหล็กเพ็ชร์ นายกเทศมนตรี เพื่อสอบถามถึงปัญหาเกี่ยวกับเรื่องที่มีการเรียกเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จากผู้รับเงินบำนาญพิเศษไปแล้วนั้น ทาง อบต.ได้ดำเนินการเช่นไร ซึ่งในพื้นที่ ต.ท่าแค มีผู้ถูกเรียกเก็บเงินเบี้ยผู้สูงอายุจากกรมบัญชีกลางพร้อมดอกเบี้ย จำนวน 10 ราย มีผู้ขอผ่อนชำระไปแล้ว จำนวน 8 ราย อีก 2 รายอยู่ระหว่างรอคำสั่งศาล

โดยนายกเทศมนตรีกล่าวว่า ตั้งแต่กรมบัญชีกลางได้ส่งหนังสือเรียกเก็บเงินผู้สูงอายุคืน รวมถึงดอกเบี้ยจากรับเงินซ้ำซ้อน ทาง อบต.ได้ลงพื้นที่ พร้อมนำหนังสือไปให้ผู้สูงอายุทั้งหมดทราบแล้ว ก็ได้มีการลงพื้นที่ทำความเข้าใจ โดยได้หาแนวทางในการให้การช่วยเหลือและดำเนินการตามระเบียบที่กำหนด ส่วนในเรื่องของการเรียกเงินคืน ซึ่งก็มีผู้ที่ผ่อนคืนเป็นรายเดือน จำนวน 7 ราย ในระยะเวลา 5 ปี โดยไม่คิดดอกเบี้ย อีก 1 รายจ่ายคืนครบตามจำนวน สำหรับอีก 2 รายที่อยู่ระหว่างนัดเจรจาที่ชั้นศาล ซึ่งการเรียกคืนหรือผ่อนชำระนั้น นายกกล่าวว่า จะไม่ให้มีผลกระทบกับชาวบ้าน และทาง อบต.ท่าแค เอง พร้อมที่จะช่วยหาทางออกกับผู้สูงอายุที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวไว้แล้ว อบต.เองไม่ได้นิ่งนอนใจ ทั้งนี้ก็ต้องดำเนินการในขอบเขต ตามขั้นตอนของกฎหมายที่กำหนด

...

หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บ้านของคุณยายแสง สุขคุ้ม อายุ 99 ปี เป็น 1 ในจำนวน 2 คน ที่ได้รับหมายศาล เรียกรับเงินคืนเป็นจำนวนเงิน 96,321.73 บาท ผู้สื่อข่าวได้พยายามสื่อสารสอบถาม (เนื่องจากยายหูไม่ค่อยดี) คุณยายแสง กล่าวว่า ใครจะทำอะไรยายก็ทำไปเถอะ ไม่มีปัญญาจะไปไหนแล้ว เงินที่ว่าก็ไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหนมาคืนเขา ทุกวันนี้ก็ต้องอาศัยชายคาลูกหลานอยู่ ลูกหลานทุกคนก็ต้องต่อสู้ดิ้นรนทำมาหากิน เพื่อความอยู่รอดกันทั้งนั้น ซึ่งหากจะต้องติดคุกยายก็ยอม อีกไม่นานยายก็จะอายุ 100 ปีแล้ว พร้อมกับเสียงหัวเราะชอบใจ

นางกมลวรรณ พวงทรัพย์ อายุ 64 ปี บุตรสาวที่ดูแลคุณยาย เปิดเผยว่า แม่ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุตั้งแต่เดือนละ 300 บาท จนปัจจุบันได้รับเดือนละ 1 พันบาทรวมแล้ว 38 ปี ซึ่งแม่ได้รับเงินบำนาญตกทอดมาจากลูกชายที่เป็นอดีตข้าราชการทหารแล้วเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่เดือนละ 1 หมื่นบาท โดยที่ในช่วงที่มีเจ้าหน้าที่มาสำรวจในการรับเบี้ยผู้สูงอายุ แม่ก็ไม่เข้าใจในเรื่องดังกล่าว ก็ตอบรับเงินจากภาครัฐซ้ำซ้อนไป จนเวลาล่วงเลยมาเกือบ 40 ปีแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าทางรัฐมีความยุติธรรมกับแม่ไหม ซึ่งป้ากมลวรรณ ตอบว่า รัฐบาลไม่มีความยุติธรรมกับแม่ตน แม่ไม่ได้เป็นคนผิด อยากให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว ในบางรายลูกหลานมีเงินก็พอบรรเทา บางคนไม่มีจะทำอย่างไร คงจะต้องผูกคอตาย ซึ่งหากจะต้องคืนเงินคงหาไม่ได้แน่ คุยกับแม่แล้วแม่ยอมติดคุก และในส่วนที่จะให้ลูกๆ ชำระหนี้แทนก็คงไม่มีใครยอมรับทั้งนั้น จู่ๆ ก็มาฟ้องร้องกันแบบนี้ โดยที่ไม่ได้เป็นคนผิดแม้แต่น้อย ใครที่ผิดตั้งแต่ต้นทำไม่ไม่ไปฟ้องเขา

ผู้สื่อข่าวถามต่อป้ากมลวรรณว่า ถ้าหากมีนักกฎหมาย ทนายความเข้ามาช่วยเหลือจะดีไหม ซึ่งป้าตอบว่าดีมากเลยเพราะเอกสารที่ส่งมาจากศาลปึกใหญ่ อ่านไม่ค่อยออก แปลภาษาทางราชการไม่ถูก ตนเอง แม่ และลูกๆ หลานๆ จะได้คลายความทุกข์ใจ ไม่อยากเห็นแม่ฝืนยิ้ม ฝืนหัวเราะ ทั้งที่ใจมีความกังวลในใจ ลูกหลานอยากเห็นแม่มีความสุขของบั้นปลายชีวิตในวัยใกล้ฝั่ง.