แท็กซี่หนุ่มใหญ่ ร่วมก๊วนเพื่อน เปิดห้องโรงแรมพาสาวมาปาร์ตี้ ทั้งดื่มเหล้า โด๊ปยา ทายามาราธอน ตัวเองซัดไวอากร้าไป 2 เม็ด พาสาวเข้าห้อง ออกมานอนแผ่บนโซฟา ปลุกไม่ตื่น ต้องเรียกกู้ภัยมาถึงพบเสียชีวิตแล้ว คาดหัวใจวาย
เวลา 23.40 น. วันที่ 7 พ.ย. ร.ต.อ.คเณศ งามประเสริฐ รอง สว.สอบสวน สภ.เมือง สมุทรปราการ รับแจ้งมีชายเสียชีวิตภายในโรงแรมม่านรูด ย่านถนนศรีนครินทร์ ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน มูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ เดินทางเข้าตรวจสอบ
ที่ห้อง 999 ซึ่งเป็นห้องพิเศษ แบ่งออกเป็นห้องนอน จำนวน 3 ห้อง และตรงกลางเป็นห้องสำหรับสังสรรค์ บริเวณโซฟายาวที่ใช้สำหรับนั่งสังสรรค์ พบร่างของ นายยศ (นามสมมติ) อายุ 44 ปี อาชีพขับแท็กซี่ สภาพนอนหงายน้ำลายฟูมปาก ท่อนล่างเปลือย สวมเสื้อแขนยาวลายเทาดำ ตามร่างกายไม่พบร่องรอยหรือบาดแผลการถูกทำร้ายแต่อย่างใด
ตรวจภายในห้องดังกล่าวยังพบยาไม่ทราบชนิด สีเหลือง วางอยู่ที่ชั้นหน้าทีวี 2 เม็ด และยาชนิดน้ำขวดขนาดเล็กวางอยู่ ส่วนบริเวณโต๊ะอาหาร กลางห้องสังสรรค์ ยังมีอาหารวางอยู่เต็มโต๊ะ ตรวจในรถแท็กซี่ของผู้ตาย ซึ่งจอดอยู่ข้างห้อง ได้พบยาไวอากร้าอยู่ในซองสีฟ้า จำนวน 1 แผง และยาน้ำมาราธอนใช้สำหรับทาอีก 1 ขวด จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน
...
จากการสอบถามเพื่อนของผู้ตายไม่ขอเปิดเผยชื่อ ทราบว่า ปกติตนและเพื่อนจะมาเปิดห้องที่โรงแรมดังกล่าวเพื่อจัดปาร์ตี้สังสรรค์กันอยู่เป็นประจำทุกเดือน ระหว่างที่ตนและเพื่อนคนอื่นกำลังนั่งดื่มอยู่กลางห้องโถง ผู้ตายได้ขอตัวพาหญิงสาวเข้าไปหาความสุขที่ที่ห้องนอน ระหว่างนั้นผู้ตายได้กินยาไวอากร้าเข้าไป 2 เม็ด จนเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ผู้ตายเดินออกมาจากห้องก่อนที่จะมาล้มตัวนอนอยู่บนโซฟาในสภาพท่อนล่างเปลือยเปล่า พร้อมกับได้บอกว่าเพลียมาก ขอนอนพักก่อน ส่วนตนและเพื่อนๆ ยังนั่งดื่มกันอยู่ เพราะคิดว่าผู้ตายคงจะเพลียหลังเสร็จกิจ จึงไม่มีใครสนใจ
กระทั่งมาสังเกตเห็นว่า ผู้ตายมีน้ำลายฟูมปาก จึงได้มาเขย่าตัวเรียก แต่ก็ไม่มีอาการตอบสนอง ด้วยความตกใจจึงได้โทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กู้ภัย กระทั่งเจ้าหน้าที่มาถึง ได้แจ้งว่าเสียชีวิตแล้ว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่คาดว่าผู้ตายเสียชีวิตจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน เนื่องจากดื่มทั้งเหล้าและกินยาไวอากร้า ก่อนร่วมหลับนอนกับหญิงสาวจนร่างกายเกิดการอ่อนเพลียอย่างหนัก แล้วหัวใจวายดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ได้ส่งศพไปที่นิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อตรวจหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง