สหวิชาชีพตกใจ เด็กสารสาสน์ 4 ราย จาก 7 ครอบครัว อาการรุนแรง กรีดร้อง ผวา ระดมจิตวิทยาดูแล ผู้ปกครองรับ ที่ผู้บริหารบอกว่า ออกมาเรียกร้องเพราะต้องการเงิน ถือเป็นการดูถูก ทั้งที่จ่ายค่าเทอม

เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่โรงแรมแมนดาริน ในเวทีเสวนา “ทางออก...เมื่อโรงเรียนไม่ปลอดภัยและเด็กถูกทำร้าย” จัดโดยมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว และเครือข่ายผู้ปกครองในสถานศึกษา ร่วมกับกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)

พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี และเจ้าของเพจ “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” กล่าวว่า สัญญาณที่บ่งบอกว่าเด็กถูกคุกคามหรืออยู่ในสภาวะที่ไม่ปลอดภัย จากเด็กที่เคยร่าเริง เด็กอาจจะมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่น ก้าวร้าวขึ้น หลีกหนี ไม่อยากไปโรงเรียน หลบตา ไม่กล้า รู้สึกกลัว ซึมเศร้า เหมือนไม่มีความสุข พ่อแม่ต้องหมั่นสังเกตและชวนลูกคุย สำคัญพ่อแม่ต้องเป็นผู้ฟังที่ดี และอย่าตัดสินว่าเด็กผิดจึงต้องถูกลงโทษ

...

การที่เด็กถูกบ่มเพาะความรุนแรงเหล่านี้ จะพัฒนาไปสู่การกระทำความรุนแรงต่อคนอื่น เพราะคิดว่าการได้อำนาจมาจากการใช้ความรุนแรง อีกรูปแบบที่พ่อแม่เห็นว่าการตีลูกแล้วได้ผล ทำให้เด็กยอมจำนน รู้สึกเป็นผู้แพ้ไม่มีพลัง เด็กที่ถูกกระทำเช่นนี้จะทำให้รู้สึกตัวเองไม่มีคุณค่า เป็นสาเหตุของโรคซึมเศร้า ซึ่งปัจจุบันพบวัยรุ่นถึงร้อยละ 15-20 มีภาวะซึมเศร้ามาจากการเลี้ยงดูที่ถูกลดทอนคุณค่ามาแต่เด็ก

อย่างไรก็ตาม เด็กอีกจำนวนมากที่ไม่มีทางเลือก ไม่มีเงินจ่ายเพื่อเรียนในโรงเรียนดีๆ เชื่อมีอีกมาก ที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรง ทั้งนี้ สิทธิการเรียนในสถานที่ปลอดภัย เป็นสิทธิพื้นฐานที่เด็กทุกคนควรได้รับ

ด้าน น.ส.อรพินท์ ศักดิ์เอี่ยม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเด็ก กรมกิจการเด็กและเยาวชน กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์ พม.ในพื้นที่ และเครือข่ายได้ลงพื้นที่เข้าไปดูแลเด็ก มีการประเมินสภาพจิตใจเด็กและผู้ปกครอง โดยนักจิตวิทยา และเมื่อวันที่ 30 ก.ย. มีการประชุมคณะอนุกรรมการสหวิชาชีพจังหวัด มีรอง ผวจ.นนทบุรี เป็นประธาน

เบื้องต้นแบ่งเป็น 4 กลุ่มได้แก่ 1. กลุ่มที่วิกฤติได้รับผลกระทบโดยตรง และผู้ปกครองได้แจ้งความดำเนินคดี 2. กลุ่มเด็กและผู้ปกครองที่อยู่ในห้องเดียวกัน 3. กลุ่มเด็กและผู้ปกครองที่อยู่ในสายชั้นเดียวกัน และ 4. กลุ่มเด็กและผู้ปกครองที่อยู่ชั้นอื่นๆ หลังประเมินสภาพจิตใจแล้ว จะมีการทำแผนบำบัด โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องเข้าไปดูแลฟื้นฟูเร่งด่วน จะมีแผนบำบัดต่อเนื่องระยะยาว

ทั้งนี้ มีการประเมินสภาพจิตใจไปแล้ว 7 ครอบครัวจาก 12 ครอบครัวที่สมัครใจเข้าร่วม พบเด็ก 4 ราย เป็นชาย 2 หญิง 2 ที่มีอาการค่อนข้างรุนแรง โดยมีพฤติกรรมกรีดร้อง หวาดกลัว ผวาบ้าง ทำให้ทีมสหวิชาชีพเองก็ตกใจ ไม่คาดคิดว่าเด็กจะมีอาการขนาดนี้

ขณะนี้ทีมนักจิตวิทยาในพื้นที่ทั้งของกระทรวงสาธารณสุข โดย รพ.ศรีธัญญา รวมถึงของ พม. ตำรวจ และเขตพื้นที่การศึกษา ได้เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งรวมถึงผู้ปกครองบางรายที่มีอาการเครียดอย่างมาก ซึ่งก็อาจต้องใช้เวลาบำบัดพอสมควร อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอหนึ่งของ พม. ที่ต้องการผลักดันให้เกิดขึ้นคือ การให้คนที่ทำงานกับเด็กมีการตรวจสภาพจิตทุกคน

ขณะที่ นายอัครพงษ์ บุญมี ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีผู้บริหารโรงเรียนมาพูดว่าที่ผู้ปกครองออกมาเรียกร้อง เพราะต้องการเงิน ถือเป็นการดูถูกพวกเราอย่างมาก ทั้งที่โรงเรียนอยู่ด้วยค่าเทอมที่ผู้ปกครองจ่าย อย่างไรก็ตาม พวกเรายังอยากให้ห้องเรียนมีกล้องวงจรปิด ส่วนตัวมองอาจไม่จำเป็นต้องดูได้แบบเรียลไทม์ แต่อย่างน้อยต้องมี หากผู้ปกครองสงสัยอยากดู ไปขอต้องได้ดู.