กรมชลประทาน เร่งรัดเดินหน้า โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ช่วยบรรเทาปัญหา "ภัยแล้ง-น้ำท่วม" โดยเฉพาะตัวเมืองอยุธยา และพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ทั้งจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ด้วย 

วันที่ 21 ก.ย. ที่กรมชลประทาน นายเสริมชัย เซียวศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ กรมชลประทาน กล่าวถึงโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 พบมีปริมาณน้ำเหนือไหลหลากลง เหนือเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ถึง 4,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเกินความสามารถในการรับปริมาณน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ที่จะรองรับได้เพียง 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อีกทั้งข้อเท็จจริงในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ที่ผ่านมา การระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา เพียงปริมาณ 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที พื้นที่รับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาบางจุดก็เกิดปัญหาอุทกภัยได้ โดยเฉพาะแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงผ่านตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา ที่มีลักษณะเป็นคอขวด ประสิทธิภาพการระบายน้ำลดลงเหลือเพียง 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้เกิดน้ำท่วมซ้ำซากเป็นประจำทุกปี และมีผลกระทบรุนแรงในปีที่มีปริมาณน้ำมาก 

...

นายเสริมชัย กล่าวว่า จากปัญหาดังกล่าว กรมชลประทาน จึงจัดทำแผนบรรเทาอุทกภัยเจ้าพระยาตอนล่าง 9 แผนงาน โดยโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็น 1 ใน 9 แผนงาน ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา และบรรเทาอุทกภัยในเขตพื้นที่ลุมน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง จึงมีความจำเป็นต้องขุดคลองระบายน้ำสายใหม่ ซึ่งได้ศึกษาความเหมาะสมของโครงการแล้วเสร็จในปี 2557 และศึกษาทบทวนความเหมาะสมโครงการแล้วเสร็จในปี 2559 จากนั้นคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบในหลักการ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2560 เพื่อให้กรมชลประทาน ดำเนินการกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในขั้นตอนการสำรวจ ออกแบบรายละเอียด และชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการ และงานเตรียมความพร้อมเพื่อการก่อสร้างและ
มีมติอนุมัติให้ดำเนินการโครงการฯ เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 โดยกำหนดแผนงานโครงการ 5 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562-2566) วงเงิน 21,000 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างคลองระบายน้ำบรรเทาอุทกภัย
ตัวเมือง พระนครศรีอยุธยา และพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง

นายเสริมชัย ระบุว่า การก่อสร้างดังกล่าวจะช่วยเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณก่อนเข้าตัวเมืองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ถึง 2,930 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยไม่เกิดผลกระทบกับบ้านเรือนริมตลิ่งที่อยู่ในคันกั้นน้ำ นอกจากนี้ ยังช่วยบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา และพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ได้เฉลี่ย 1.9-2.5 ล้านไร่/ปี และสามารถลดระดับความลึกของน้ำท่วมลงได้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำสำหรับการใช้ประโยชน์พื้นที่ด้านการเกษตรกรรม รวม 229,138 ไร่ มีแหล่งน้ำสำรองในฤดูแล้ง เพื่ออุปโภค-บริโภค 15 ล้านลูกบาศก์เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 48 ตำบล 3 เทศบาล 362 หมู่บ้าน และยังเป็นเส้นทางสัญจรทางน้ำเลี่ยงตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา เป็นถนนบนคันคลองซึ่งจะเป็นเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงระหว่างอำเภอบางบาล และอำเภอบางไทร และจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกด้วย

โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประกอบด้วย

1. ขุดคลองระบายน้ำสายใหม่ มีความยาวประมาณ 22.50 กม. ระบายน้ำได้สูงสุด 1,200 ลบ.ม./วินาที พร้อม ก่อสร้างถนนผิวจราจรแอสฟัสติคคอนกรีตบนคันคลองทั้ง 2 ฝั่ง ผิวจราจรมีความกว้าง 8 ม.

...

2. อาคารบังคับน้ำ ประเภทประตูระบายน้ำ จำนวน 1 แห่ง
- ปตร.ปลายคลองระบายน้ำหลาก ขนาดบาน 12.50 x 9.50 ม. จำนวน 4 บาน อัตราการระบายน้ำสูงสุด1,200 ลบ.ม./วินาที และมีประตูเรือสัญจร ขนาดกว้าง 25.00 ม. ยาว 240.00 ม. จำนวน 1 ช่อง

3. สะพานรถยนต์ข้ามคลองระบายนํ้าหลาก จำนวน 11 แห่ง

4. อาคารประกอบคลองระบายน้ำ ประกอบด้วย สถานีสูบน้ำ และท่อระบายน้ำ บริเวณจุดตัดของคลองระบายน้ำหลากกับคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำที่มีอยู่เดิม จำนวน 36 แห่ง

5. กำแพงป้องกันตลิ่งบริเวณปลายคลองจุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยาความยาวประมาณ 4.15 กม.

6. ปรับปรุง/ก่อสร้างคันกั้นน้ำรอบพื้นที่โครงการพร้อมอาคารประกอบ ความยาวรวม 54 กม.

ความก้าวหน้าปัจจุบันงานก่อสร้างคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร มีรายละเอียดดังนี้

1. งานจ้างก่อสร้างคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร สัญญาที่ 1 (STA. 16+400 ถึง STA. 20+100) ปัจจุบัน อยู่ระหว่างผู้รับจ้างเตรียมการก่อสร้าง

2. งานจ้างก่อสร้างคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร สัญญาที่ 2 (STA. 12+500 ถึง STA. 16+400) ปัจจุบัน อยู่ระหว่างผู้รับจ้างเตรียมการก่อสร้าง ในงานก่อสร้างโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในส่วนที่เหลือ จะดำเนินการในปีงบประมาณถัดไป ซึ่งปัจจุบันมีความก้าวหน้างานก่อสร้างสะสมทั้งโครงการ ร้อยละ 8.36