ศาลพิพากษา "อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์" มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล กรณีไลฟ์กล่าวหา มีการล็อกสำนวนช่วยเหลือ"ทนายษิทรา" แต่ยังปรานี ด้วยที่เห็นว่าเคยทำคุณประโยชน์ และยอมรับความผิด จึงให้รอกำหนดโทษไว้ 2 ปี

วันที่ 18 มิ.ย. ที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศาลนัดฟังคำพิพากษาใน คดีหมายเลขดำที่ อลศ 1 /2563 ระหว่าง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ผู้กล่าวหา กับนายอัจฉริยะ หรือ ธัญเทพ หรือ รเณศ หรือ โรจนทวี เรืองรัตนพงศ์ ผู้ถูกกล่าวหา ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล จากกรณีที่ นายอัจฉริยะ ไลฟ์สดผ่านเพจเฟซบุ๊กชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ว่าศาลได้มีการล็อกสำนวน เพื่อช่วยเหลือนายษิทรา หลังจากสำนักงานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฏว่า ไม่เป็นความจริง อย่างที่ นายอัจฉริยะ กล่าวอ้าง

โดย นายษิทรา เบี้ยบังเกิด พร้อมทีมทนายความ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ รวมทั้ง ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เดินทางมาฟังคำพิพากษา

ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พิพากษาว่า ศาลไต่สวนคดีมีมูล แม้เป็นการทำนอก บริเวณศาล แต่ผลมุ่งหมายให้มีผลในการดำเนินกระบวนการพิจารณาของศาล แสดงว่ามีผลเหนืออิทธิพลเหนือความรู้สึกของพยานและเหนือศาล อันจะส่งผลกระทบต่อการดำเนิน กระบวนการพิจารณาของศาล และทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น ถือว่าเป็นการประพฤติตน ไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล

“พิพากษาว่า นายอัจฉริยะ ผู้ถูกกล่าวหา มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 180 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพร่ง มาตรา31(1) .33 ผู้ถูกกล่าวหา เคยช่วยเหลือผู้เสียหายหลายคดี ถือว่าเป็นผู้มีคุณงามความดี และทำประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม ประกอบกับผู้ถูกกล่าวหา ได้เผยแพร่ข้อความและภาพทางสื่อสังคมออนไลน์ ขออภัยสำนักงานศาลยุติธรรม และจะไม่กระทำการดังกล่าวอีก ถือว่าผู้ถูกกล่าวหาสำนึกในการกระทำของตน จึงเห็นควรให้โอกาสแก่ผู้ถูกกล่าวหา โดยรอกำหนดโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามกระบวนกฎหมายอาญา มาตรา 56”

...

ด้านนายษิทรา เบี้ยบังเกิด กล่าวว่า จากการที่ นายอัจฉริยะ มีการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ละเมิดศาลว่าในคดีตนเองเป็นทนายความ ศาลมีการยกฟ้องในคดีทั้ง 2 คดี และเป็นผู้พิพากษาคนเดียวกัน เป็นการล็อกสำนวน เมื่อวันที่ 19 ม.ค.2563 ซึ่งตนได้ทำหนังสือถึงสำนักงานศาลยุติธรรม ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีการล็อกสำนวน ของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งจากการไต่สวนแล้วไม่เป็นความจริง ตนจึงได้ยื่นฟ้องต่อศาลว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดต่อศาล และนายอัจฉริยะ ได้แถลงรับสารภาพต่อศาล พร้อมโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เพจ ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยอมรับว่ากระทำความผิดจริง ให้รอการกำหนดโทษ 2 ปี ห้ามไปกระทำผิดอีก

“คดีนี้เป็นคดีตัวอย่าง จึงอยากฝากเตือนไปยังประชาชน ว่า การไลฟ์สด การโพสต์ข้อความกล่าวหาผู้อื่น ที่ไม่เป็นความจริง เป็นการหมิ่นประมาท เป็นการละเมิด ถือว่าเป็นความผิด มีโทษถึงจำคุก ในส่วนที่จะมีการฟ้องร้องหรือฟ้องกลับนั้น ก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลมีคำพิาพากษา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ มีสีหน้าเคร่งเครียด ผู้สื่อข่าวได้ขอสัมภาษณ์ แต่ นายอัจฉริยะ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ พร้อมกับบอกว่าไม่มีอะไรจะพูด ใครจ้างมา ให้ไปสัมภาษณ์คนนั้น