ตำรวจขอหมายจับตามล่าตัว “เสี่ยไฮ้” เสี่ย เจ้าของโรงปุ๋ยกับลูกน้องคนสนิท สองผู้ต้องหาร่วม สังหารโหดเซลส์สาวหมกรถเก๋งทิ้งจมคลองนานกว่า 3 ปี หลังถูกจับกุมเมื่อปลายปีก่อน แต่สำนวนคดีสั่งฟ้องไม่ทันจนครบกำหนดฝากขังต้องปล่อยตัวออกจากเรือนจำ ก่อนเผ่นหนีหายทั้งคู่ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดแจงเหตุ พนักงานสอบสวนถือสำนวนไว้ถึง 83 วัน ส่งให้อัยการเหลือเวลาพิจารณาแค่ 1 วัน ตั้งคณะทำงานด่วนมีประเด็นต้องสอบเพิ่มเลยยื่นฟ้องไม่ทัน ทำให้สองผู้ต้องหาได้รับอิสรภาพพ้นคุกไปเมื่อเดือน มี.ค. อัยการแจ้งพนักงานสอบสวนตามตัวมาสั่งฟ้องวันที่ 26 พ.ค. แต่ถึงตอนนี้ยังตามหาตัวไม่เจอ

จากคดีฆาตกรรมโหด น.ส.กลิ่นเกษร วงษ์สิงห์ อายุ 36 ปี เซลส์ขายปุ๋ย พบเป็นศพเหลือแต่โครงกระดูกอยู่ในรถเก๋งจมน้ำอยู่ในคลองชัยนาท-ป่าสัก ต.หนองโป่ง อ.หนองโดน จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.62 หลังหายตัวไปจากบ้านนานกว่า 3 ปี ต่อมาวันที่ 24 ธ.ค. ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายศาลไปจับกุมตัวนายสันติ หรือเสี่ยไฮ้ จึงทองดี อายุ 63 ปี เสี่ยเจ้าของโรงปุ๋ย บริษัท ห้าดาวเคมีภัณฑ์ จำกัด อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี และนายนิวัฒน์ เฉลิมวัฒน์ อายุ 36 ปี ลูกน้องคนสนิท เบื้องต้นปมเหตุฆาตกรรมมาจากเรื่องชู้สาว นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองโดน ดำเนินคดี แต่ปรากฏว่าคดีสั่งฟ้องไม่ทันจนครบกำหนดฝากขัง ทำให้ต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งสองออกจากเรือนจำจังหวัดสระบุรี และตำรวจไม่สามารถติดตามตัวมาส่งอัยการได้จนต้องขออนุมัติศาลออกหมายจับ

เกี่ยวกับคดีดังกล่าวเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า จากการตรวจสอบไปยังนายธรรมภณ จิรธรรมประดับ อัยการจังหวัดสระบุรี ทราบว่า คดีนี้พนักงานสอบสวน สภ.หนองโดน ส่งสำนวนให้อัยการจังหวัดสระบุรี เมื่อวันที่ 12 มี.ค. เป็นการรับสำนวนในระหว่างการฝากขังนายสันติ หรือเสี่ยไฮ้ จึงทองดี และนายนิวัฒน์ หรือแจ็ค เฉลิมวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 เป็นครั้งที่ 7 โดยจะครบวันสุดท้ายในวันที่ 13 มี.ค. เท่ากับเหลือเวลาให้อัยการพิจารณาเพียง 1 วัน พนักงานสอบสวนถือสำนวนไว้ 83 วัน จากทั้งหมด 84 วันที่จะครบกำหนดฝากขัง

...

รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเผยต่อไปว่า เมื่อได้สำนวนมา อัยการจังหวัดสระบุรีได้รายงานไปยังสำนักงานอธิบดีอัยการภาค 1 ก่อนที่นายศิริชัย วิทยโชคกิติคุณ อธิบดีอัยการภาค 1 จะเรียกสำนวนไปพิจารณาเนื่องจากเป็นคดีสำคัญและอยู่ในความสนใจของประชาชน พร้อมตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาโดยเร่งด่วน พบว่ามีประเด็นที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติมทันทีในวันที่ 12 มี.ค. ทำให้ไม่สามารถที่จะยื่นฟ้องให้ทันภายในวันที่ 13 มี.ค.ได้ จึงต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งสองออกจากเรือนจำจังหวัดสระบุรีที่นำตัวทั้งคู่ไปฝากขังไว้ อย่างไรก็ตามระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมมีการจับกุมตัวนายมาโนช สอบสวัสดิ์ ผู้ต้องหาที่ 3 ได้ กระทั่งได้รับผลการสอบสวนเพิ่มเติมครบถ้วนในวันที่ 7 พ.ค. คณะทำงานจึงมีคำสั่งทันทีในวันที่ 8 พ.ค. โดยสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 3 คนฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาช่วยกันซ่อนเร้นทำลายศพและทำให้เสียทรัพย์

นายประยุทธกล่าวต่อไปว่า ในส่วนของผู้ต้องหาที่ 3 ที่จับกุมได้ภายหลังนั้นอยู่ระหว่างฝากขัง พนักงานอัยการจังหวัดสระบุรีจึงยื่นฟ้องไปก่อนในวันที่ 12 พ.ค. ส่วนผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ที่ปล่อยตัวไปหลังครบกำหนดฝากขังผัดที่ 7 พนักงานอัยการได้แจ้งให้พนักงานสอบสวนไปนำตัวมาส่งให้อัยการในวันที่ 26 พ.ค. ปรากฏว่าผู้ต้องหาทั้งสองไม่มาตามกำหนดนัด พนักงานอัยการจึงแจ้งให้พนักงานสอบสวน สภ.หนองโดน ดำเนินการขอศาลจังหวัดสระบุรี ออกหมายจับนายสันติ ผู้ต้องหาที่ 1 และนายนิวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 2 ในวันที่ 27 พ.ค. ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนที่พนักงานสอบสวนจะต้องติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองมายื่นฟ้องต่อศาลต่อไป

“อธิบดีอัยการภาค 1 ให้ความสำคัญในการทำพิจารณาสำนวนด้วยความละเอียดรอบคอบเพราะเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน จึงนำสำนวนมาพร้อมตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาสำนวนทันที แต่ด้วยเงื่อนเวลาที่พนักงานสอบสวนส่งสำนวนมาให้ก่อนวันครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้ายเพียง 1 วันนั้น ประกอบต้องสอบสวนเพิ่มเติมทำให้จำเป็นต้องปล่อยขาด ก่อนที่ผลการสอบสวนเพิ่มเติมจะได้มาครบถ้วน จึงดำเนินการยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 3 ทันที ส่วนการติดตามตัวผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 มายื่นฟ้องต่อศาลนั้นเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่ต้องติดตามจับกุมมาให้ได้” นายประยุทธกล่าว