ศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา พิพากษาจำคุก 18 โจ๋กรุงเก่า คนละ 4 เดือนโดยไม่รอการลงโทษ หลังร่วมก๊วนเช่าแพปลาที่บางไทรพี้ยา ฝ่าฝืนพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โควิด-19 ระบาด

วันที่ 2 เม.ย. นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา นางนารีรัตน์ ไพศาลธนวัฒน์ อัยการจังหวัดคดีศาลเเขวงพระนครศรีอยุธยา เป็นโจทก์ยื่นฟ้องน.ส.สายลม เเก้วดี กับพวกรวม 18 คนในความผิดฐานร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัดอันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทเเอมเฟตามีน)โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

โจทก์ฟ้องว่า เจ้าหน้าที่สภ.ช้างใหญ่และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองพระนครศรีอยุธยารับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนมากรวมกลุ่มมั่วสุมกัน สังสรรค์และมีการเสพยาเสพติดที่แพตกปลา ริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยา ชื่อแพปลาสมหมาย ที่ตำบลราชคราม อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 30 มี.ค. เวลา 22.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าจับกุม ปรากฏว่าพบวัยรุ่นหญิงชาย โดยมีผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชน 1 คนกำลังมั่วสุม สังสรรค์ พบยาเสพติด กัญชาแห้ง เคตามีน ยาอี พร้อมอุปกรณ์การเสพยาเสพติด เเจ้งข้อหา ร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัดอันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ. 2548

ต่อมา วันที่ 1 เม.ย.พนักงานสอบสวน สภ.ช้างใหญ่ ได้นำตัวผู้ต้องหาจำนวน 18 คนพร้อมสำนวนซึ่งกระทำความผิดในอัตราโทษคดีศาลแขวง ส่งพนักงานอัยการสำนักงานอัยการคดีศาลแขวงพระนครศรีอยุธยาเพื่อพิจารณา ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือได้แยกดำเนินคดียังศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในความผิดฐานร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมและมั่วสุม ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัดโดยฝ่าฝืนต่อพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ. 2548 และมีและเสพยาเสพติดให้โทษโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายและผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชนแยกส่งสำนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อพิจารณาเเยก

...

ศาลเเขวงจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เเละ 2 ซึ่งกระทำความผิดฐาน ร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัดอันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548 ให้ลงโทษจำคุก 1 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ ส่วนจำเลยที่ 3-18 กระทำความผิดฐานเสพยาเสพติด จำคุก 3 เดือน ฐานร่วมกันมั่วสุมชุมนุมฯ ตามพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินฯ จำคุก 1 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 3-18 เป็นเวลา 4 เดือนโดยไม่รอการลงโทษ

สำหรับการยื่นฟ้องคดีดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ที่ได้มีหนังสือที่ อส 0001/ว 140 ลงวันที่ 31 มี.ค.แจ้งให้อัยการทั่วประเทศดำเนินคดีเฉียบขาดกับผู้ทำการกักตุนสินค้าอุปโภค บริโภค และจำหน่ายสินค้าเกินราคาควบคุม เช่น หน้ากากอนามัย ไข่ไก่ หรือสินค้าจำเป็นในครัวเรือน เป็นต้น การฉ้อโกงหรือหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่างๆ รวมทั้ง การส่งข้อความอันเป็นเท็จทางสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อสอดคล้องกับการที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะหยุดการแพร่ระบาดและป้องกันผลกระทบทางเศรษฐกิจ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพื่อให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลงได้โดยเร็วและป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงมากขึ้น