เกิดไฟไหม้ภายวัดแสวงหา จ.อ่างทอง พระสงฆ์ถูกย่างสดมรณภาพ 2 รูป เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถน้ำดับเพลิง 29 คันฉีดน้ำสกัดนานกว่า 2 ชม.จึงดับได้ เบื้องต้น กุฏิไม้สัก 4 หลังวอดหมดเสียหายกว่าล้านบาท

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 มี.ค. 63 พ.ต.ท.หมัดอุเส็น เหมาะสนิ สารวัตรสอบสวน สภ.แสวงหา ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้กุฏิพระและกำลังลุกลามขยายวงกว้าง เหตุเกิดบริเวณภายในวัดแสวงหา หมู่ที่ 5 ตำบลแสวงหา อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง หลังได้รับแจ้งจึงรีบรุดไปที่เกิดเหตุ พร้อมประสานขอรถดับเพลิงจากเทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล ทั้งในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง จำนวน 29 คัน เดินทางไปช่วยระดมฉีดน้ำสกัดเพลิง และอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู โดยมี นาย พงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง พล.ต.สังวาลย์ ฤกษ์ศรีลักษณ์ ผบก.ภ.จว.อ่างทอง นาย วรัตน์ มาประณีต นายอำเภอแสวงหา เดินทางไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุพบว่าเพลิงกำลังลุกไหม้กุฏิไม้เก่าแบบ 2 ชั้น ด้านบนเป็นไม้ด้านล่างเป็นปูนของพระและเณร จำนวน 4 หลัง 16 ห้อง ที่ปลูกอยู่ด้านหลังวัด และกำลังจะลุกลามไปไหม้ศาลาหลังใหญ่ ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากเป็นที่แคบและรถดับเพลิงขนาดใหญ่สามารถวิ่งผ่านได้คันเดียว จึงต้องใช้วิธีส่งต่อน้ำระหว่างรถน้ำดับเพลิง ช่วยกันฉีดสกัดเพลิงที่กำลังลุกลามไหม้ศาลาใหญ่ ทั้งชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์และพระ เณร ในวัดต่างช่วยกันขนย้ายพระพุทธรูปและของมีค่าหนีเพลิงไหม้กันโกลาหล และยังมีเสียงระเบิดอยู่เป็นระยะ

...

เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการควบคุมเพลิงนานกว่า 2 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ จากการตรวจสอบพบพระมรณภาพอยู่ในกุฏิด้านหลัง จำนวน 2 ราย ถูกเพลิงคลอกดำเป็นตอตะโกจนจำไม่ได้ ทราบชื่อ คือ พระครูสมุภัชชา เชื้อแดง อายุ 33 ปี พระลูกวัด พบนอนมรณภาพอยู่ใกล้กับพระพุทธรูปในห้องชั้นล่างในกุฏิด้านหลัง ส่วนอีกราย ทราบชื่อ พระสัมฤทธิ์ อิทธิเตโช อายุ 78 ปี พระลูกวัด ที่นอนมรณภาพอยู่ใต้ซากอยู่ในกุฏิติดกัน

นาย ฟ้อน เชื้อแดง อายุ 66 ปี พ่อของพระสมุภัชชา เปิดเผยว่า ช่วงที่เกิดเพลิงไหม้ยังเห็นพระลูกชายนำถังดับเพลิงออกไปช่วยดับเพลิง จากนั้นได้วิ่งเข้าไปในกุฏิ คาดว่าน่าจะเข้าไปเก็บของและไปช่วยพระสัมฤทธิ์ ที่ชราภาพมากแล้ว แต่ออกมาไม่ทันจึงถูกไฟคลอกจนเสียชีวิต

ด้าน พระสมุถวิล ปิยะธโร ผู้ช่วยเจ้าอาวาส เล่าให้ฟังว่า ช่วงเกิดเหตุไม่ได้เห็นเหตุการณ์ เนื่องจากพระและเณรมาช่วยกันสร้างศาลา จนมีพระที่อยู่ในกุฏิมาตะโกนบอกว่าเพลิงไหม้กุฏิ เมื่อวิ่งไปดูก็พบว่าเพลิงได้เริ่มลุกลามมาจากกุฏิทางด้านใต้ ที่พระทั้ง 2 รูปมรณภาพ แล้วลุกลามมาทางสายไฟจนไหม้กุฏิพระ และเณรจนหมด และศาลาใหญ่บางส่วนได้รับความเสียหาย

ส่วน นายวรัตน์ มาประณีต นายอำเภอแสวงหา กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าต้นเพลิงเกิดจากกุฏิทางทิศใต้ด้านหลังวัด ประกอบกับในช่วงนี้มีลมพัดกระโชกแรง ทำให้เพลิงได้ลุกลามอย่างรวดเร็ว และการเข้าควบคุมเพลิงเป็นไปอย่างลำบาก จึงลุกไหม้กุฏิพระและเณรที่อยู่โดยรอบจนหมด แล้วลุกลามไปไหม้ศาลใหญ่ที่อยู่ตรงกลางเก็บทรัพย์สินที่มีค่าไว้ได้รับความเสียหายบางส่วน

สำหรับสาเหตุเพลิงไหม้และค่าเสียหายทั้งหมดยังไม่สามารถประเมินได้ คงต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบว่า สาเหตุว่าเกิดมาจากสาเหตุใด เบื้องต้นตามกุฏิพระและเณรไม่น่าจะมีทรัพย์สินที่มีค่ามากนัก จะมีทรัพย์สินที่มีค่าที่เก็บอยู่ในศาลาใหญ่ คาดว่ามูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่าล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามทางอำเภอและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป.