พระสงฆ์ 2 รูปออกไปวางท่อน้ำสปริงเกอร์กลางทุ่งนา เตรียมปลูกหญ้าให้ม้าที่เลี้ยงไว้ได้กิน ท่ามกลางพายุฝน แต่กลับถูกฟ้าผ่าใส่จนมรณภาพทั้ง 2 รูป
เมื่อเวลา 20.00น. วันที่ 14 มี.ค. 2563 ร.ต.ท.สุขสันต์ ปัสสาวะกัง รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองอ่างทอง ได้รับแจ้งเกิดเหตุฟ้าผ่าลงมาทำให้พระสงฆ์มรณภาพ ณ จุดเกิดเหตุ 1 รูปและได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 รูป ที่บริเวณกลางทุ่งนา ด้านหลังที่พักสงฆ์ ป่าเนื้อนาบุญ หมู่ 4 ตำบลหัวไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลอ่างทอง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยจังหวัดอ่างทอง รุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบพระอุเทน ชาคโร เล่าให้ฟังว่า มีพระสงฆ์ 2 รูป ที่สำนักสงฆ์ป่าเนื้อนาบุญ ออกไปวางท่อน้ำสปริงเกอร์ บริเวณกลางทุ่งนาห่างจากวัดประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อปลูกหญ้าสำหรับเลี้ยงม้าที่บริเวณสำนักสงฆ์ซึ่งมีจำนวน 7 ตัว โดยขับรถอีแต๋นออกไปตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมา ระหว่างนั้นเกิดพายุกระหน่ำ มีฝนคะนอง จนกระทั่งค่ำมืดแล้วยังไม่กลับเข้ามาที่สำนักสงฆ์ จึงออกไปดูพบว่าพระถูกฟ้าผ่ามรณภาพในที่เกิดเหตุ 1 รูปและได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1 รูปจึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบช่วยเหลือ
พื้นที่เกิดเหตุอยู่กลางทุ่งนา ถนนเป็นคันดินและมีฝนตกลงมาทำให้เข้าออกลำบาก เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนั่งรถอีแต๋นของทางสำนักสงฆ์เข้าไปยังที่เกิดเหตุ พบเป็นพื้นที่นาประมาณ 6 ไร่ มีการล้อมรั้วด้วยตาข่ายเหล็กและมีการวางท่อสูบน้ำและใช้รถแบ็กโฮขนาดเล็กขุดวางท่อน้ำสปริงเกอร์ และบริเวณด้านข้างรถอีแต๋น พบพระสงฆ์ 1 รูปได้รับบาดเจ็บสาหัสมีแผลที่บริเวณด้านข้างลำตัว ทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพได้เร่งนำโรงพยาบาลอ่างทองแต่มรณภาพระหว่างทางทราบชื่อต่อมาว่าพระอาจารย์ เปรมฤทัย ศรีรักษา หรือ พระเปรมฤทัย โอสภา อายุ 39 ปี ชาวจังหวัดอ่างทอง
...
และพบว่ามีพระสงฆ์มรณภาพอยู่ในที่เกิดเหตุอีก 1 รูป มีบาดแผลทีศีรษะ ทราบชื่อต่อมาว่า พระอ๊อฟ หรือ พระสุริยะ แวดรัมย์ อายุ 22 ปี ชาวจังหวัดกำแพงเพชร และยังพบโทรศัพท์มือถือ แตกกระจายอยู่ในที่เกิดเหตุ ใกล้กับที่บริเวณศพพระอ๊อฟคาดว่าเป็นเพราะถูกฟ้าผ่า
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อหาสาเหตุในการเสียชีวิตอย่างแท้จริงของพระสงฆ์ทั้ง 2 รูป ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป