ลาโลกพร้อมหมา 6 ตัว ธุรกิจเจ๊ง-หนี้ท่วมหัว
สุดสลด เสี่ยเต็นท์รถมือสองรมควันฆ่าตัวตายยกครัว 5 ศพพร้อมสุนัขอีก 6 ตัว คาดชนวนเหตุจากหนี้ท่วมธุรกิจเจ๊ง หมุนเงินไม่ทัน จนปัญญาหาทางออกตัดสินใจจบชีวิตไปพร้อมเมีย ลูกชาย แม่ และพี่สาว ให้ทุกคนกินยานอนหลับก่อนจุดเตาถ่านรมควันปลิดชีพตายหมู่คาห้องนอน พบบันทึกในโทรศัพท์มือถือของภรรยาร่ายข้อความสิ้นหวังหมดหนทางสู้เพื่ออยู่รอด เผยกู้เงินญาติมาทำธุรกิจ 10 ล้านบาท ไม่รวมเงินกู้นอกระบบอีกหลายล้าน แต่ช่วงหลังเศรษฐกิจซบเซา หาเงินใช้หนี้ไม่ไหวเลยตัดสินใจก่อเหตุสลด
เหตุสลดใจ เสี่ยเต็นท์รถธุรกิจเจ๊งหมุนเงินไปใช้หนี้ไม่ทันตัดสินใจรมควันฆ่าตัวตายยกครัว 5 ศพพร้อมสุนัขอีก 6 ตัว เปิดเผยเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 21 ก.พ. ร.ต.อ.นพดล ไม้งาม รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก ได้รับแจ้งเหตุผู้เสียชีวิตหลายศพในบ้านเลขที่ 114 หมู่ 1 ต.จอมทอง จึงรายงานให้ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก. นำกำลังตำรวจ ประสานไปยัง พ.ต.อ.สาธิต ก้อนแก้ว รอง ผบก.ศพฐ.6 เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน พร้อมแพทย์เวร รพ.พุทธชินราช และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน ไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียวขนาดใหญ่ ด้านหน้าเปิดเป็นเต็นท์จำหน่ายรถยนต์มือสองชื่อ “กัณตภณออโต้” และสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) มีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ ภายในห้องนอนขนาดกว้างประมาณ 5 คูณ 5 เมตร พบผู้เสียชีวิตรวม 5 ศพ ประกอบด้วย นายกัณตภณ หรือเฮียตี๋ แป้นวงศ์ อายุ 38 ปี เจ้าของบ้านและเจ้าของเต็นท์รถ นอนหงายอยู่ที่ประตูห้องน้ำภายในห้องนอน นางยอดขวัญ แป้นวงศ์ อายุ 41 ปี ด.ช.รชฏ หรือน้องวินเนอร์ แป้นวงศ์ อายุ 12 ปี ภรรยาและลูกชายของนายกัณตภณ นอนอยู่บนฟูกที่พื้นปลายเตียง นางสุนิสา แป้นวงศ์ อายุ 61 ปี แม่ของนายกัณตภณ นอนอยู่บนเตียง และ น.ส.สุธิพร แป้นวงศ์ อายุ 41 ปี พี่สาวของนายกัณตภณ นอนอยู่บนฟูกที่พื้นข้างเตียงฝั่งซ้าย นอกจากนี้ยังมีซากสุนัขอีก 6 ตัว เป็นพันธุ์บีเกิ้ล 2 ตัว พันธุ์ชิสุ 3 ตัว และพันธุ์ปอมเมอเรเนียน 1 ตัว นอนตายกระจัดกระจายอยู่บนพื้นห้องเป็นที่น่าสลดหดหู่
...
สภาพภายในห้องนอนยังเปิดแอร์ทิ้งไว้ ไม่มีร่องรอยงัดแงะหรือการต่อสู้รื้อค้น ทรัพย์สินยังอยู่ครบ สภาพผู้เสียชีวิตทั้ง 5 ศพตามร่างกายไม่มีบาดแผล บางศพมีเลือดออกจากปาก คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 วัน ในห้องน้ำมีเตาอั้งโล่วางอยู่ 2 เตา มีถ่านที่จุดไฟมอดไหม้หมดแล้วอยู่ในเตา นอกจากนี้ ยังมีถังพลาสติกใส่ถ่านหุงต้มวางอยู่หน้าห้องน้ำ ภายในห้องนอนพบขวดยาแก้แพ้อากาศและซองยานอนหลับจำนวนหนึ่งวางอยู่ ตำรวจเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำผู้เสียชีวิตทั้ง 5 ศพนำส่ง รพ.พุทธชินราช ให้แพทย์ชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง
ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของนางยอดขวัญ บันทึกโน้ตเมื่อวันที่ 12 ก.พ.63 ข้อความว่า “เกือบแล้วสินะชีวิต เกือบได้ไปอยู่พร้อมๆกัน 11 ชีวิตในที่สงบ ไม่รู้จะต้องสู้ไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าสู้ได้ถึงวันไหน หมดทางแล้วจริงๆสินะ อุปกรณ์พร้อม ทุกๆคนในครอบครัว ยกเว้นวินเนอร์ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ก่อนจะเป็นไรไปฉุดคิดถึงพี่สาว เขาจะมาหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างเพราะเราไม่ได้ ต้องหาเงินสักก้อนให้เขาได้เดินต่อได้ พรุ่งนี้เริ่มดิ้นรนใหม่ แต่ไม่รู้ว่าจะดิ้นได้ถึงวันไหนนะ” กับอีกบันทึกเมื่อวันที่ 16 ก.พ.63 ข้อความว่า “เขาคงไม่อยากให้เรา 11 ชีวิตอยู่ต่อไปแล้วจริงๆ หมดทุกหนทางแล้วสินะ เมื่อมันอยู่ต่อไม่ได้ เราก็ขอจากไปพร้อมกันเลยละกัน ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่ออยู่รอดแต่ทุกอย่างมันตันไปหมดแล้วริบหรี่ทุกวันแล้วนะชีวิต”
สอบสวนทราบว่า นายกัณตภณเปิดเต็นท์รถทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์มือสองได้ประมาณ 4 ปี และเพิ่งมาเปิดสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ได้ประมาณ 2 เดือน นอกจากนี้ ยังมีร้านกาแฟและร้านจำหน่ายน้ำแข็งอยู่ในบริเวณเดียวกัน กู้เงินจากญาติสนิทมา 10 ล้านบาท และกู้เงินนอกระบบอีกหลายราย รายละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท เพื่อมาทำธุรกิจ แต่ช่วงหลังเศรษฐกิจไม่ดีทำให้กิจการค้าขายรถมือสองซบเซา หมุนเงินไปใช้หนี้ไม่ทัน อาจเป็นชนวนเหตุให้เครียดจัดตัดสินใจจบชีวิตไปพร้อมกันทั้งครอบครัว 5 คน และสุนัขที่เลี้ยงไว้อีก 6 ตัว คาดว่านายกัณตภณกับภรรยาพร้อมใจกันกินยานอนหลับ โดยให้มารดา พี่สาว และลูกชาย รวมทั้งสุนัขกินด้วยแบบไม่รู้ตัว กระทั่งหลับสนิทกันหมด จากนั้นจุดถ่านในเตาอั้งโล่เพื่อรมควันเสียชีวิตไปพร้อมกัน
นายภิชาติ อมรรุ่งรัศมี ญาติผู้พี่ของนายกัณตภณเผยว่า เป็นญาติสนิทที่ให้นายกัณตภณกู้เงินไป 10 ล้านบาท ดอกเบี้ยเดือนละ 1 แสนบาท ไม่รวมนายทุนเงินกู้นอกระบบอีกหลายราย รายละหลักล้านบาท ไม่คิดว่านายกัณตภณจะคิดสั้นเพราะไม่เคยเล่าปัญหาอะไรให้ฟัง ปกติเป็นคนจิตใจดี เป็นนักกีฬาฟุตบอล และสนับสนุนทีมฟุตบอลในจังหวัดหลายทีม ก่อนหน้านี้โทรศัพท์ติดต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 19 ก.พ.เวลาประมาณ 5 ทุ่ม หลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งวันนี้มาหาที่บ้านกับพี่เมียของนายกัณตภณ และหลานชายอีกคน พบว่าประตูบ้านปิดล็อกจากภายในจึงให้หลานชายปีนหน้าต่างเข้าไปปลดล็อกประตูบ้านเข้าไปดูพบว่าทุกห้องเปิดอยู่ ยกเว้นห้องนอนของแม่นายกัณตภณที่ปิดล็อกอยู่มีกลิ่นเน่าเหม็นโชยออกมา ตัดสินใจถีบประตูเข้าไปก็ต้องตกใจเมื่อพบผู้เสียชีวิตทั้ง 5 ศพและสุนัขอีก 6 ตัวอยู่ภายในห้อง
สอบถามหลานสาวนายกัณตภณผู้ดูแลหน้าเต็นท์รถและสถานตรวจสภาพรถเอกชนเผยว่า เฮียตี๋เป็นคนรักสุนัขมาก เรียกว่ารักเหมือนลูกจึงเอาชีวิตทั้ง 6 ตัวไปด้วยกัน ก่อนหน้านี้ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง กระทั่งเมื่อ 2 วันก่อนเฮียตี๋สั่งปิดกล้องวงจรปิดทุกตัวในร้านและที่บ้าน ต่อมาวันที่ 20 ก.พ.มีลูกค้ามาจ่ายเงินค่างวดรถ ตนโทรศัพท์ติดต่อเฮียตี๋ไม่ได้ คิดว่าพาครอบครัวไปต่างจังหวัด กระทั่งวันนี้มาพบเป็นศพฆ่าตัวตายทั้งครอบครัวดังกล่าว