ทนายษิทรา รับทราบข้อหา "เบิกความ-แสดงหลักฐานเท็จ" ที่ สภ.กระทุ่มแบน เป็นคดีที่ 2 ในรอบสัปดาห์ เจ้าตัวซัดถูกแกล้ง เตรียมแจ้งกลับตำรวจละเว้นปฏิบัติหน้าที่ พร้อมดำเนินคดี "คนไม่มีอาชีพ" ที่ไปกล่อมพยานให้กลับคำมาใส่ร้าย
วันที่ 6 ก.พ. ภายหลังนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง เดินทาง เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.กระทุ่มแบน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 216/2563 ในข้อหา ร่วมกันเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี โดยมี พ.ต.ท.พีรวุฒิ พีระวุฒิพันธุ์ รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.กระทุ่มแบน สอบปากคำด้วยตนเอง
ทนายษิทรา กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.00 น. ตนเองได้เข้ามามอบตัว ที่ สภ.กระทุ่มแบน เเล้วหลังได้ทราบกระเเสข่าวว่ามีการออกหมายจับตนเอง ตั้งแต่ 2 ทุ่ม เเต่ตำรวจไม่รับมอบตัว และช่วงเช้ากลับขอศาลออกหมายค้น บ้านพักและสำนักงานกฎหมายของตนเอง ส่วนเรื่องคดีที่เกิดขึ้น จะเกี่ยวข้องกับที่ตนมีปัญหากับคนในวงการสีกากีหรือไม่นั้น อยากขอให้สื่อมวลชนพิจารณาเอาเอง เพราะมีการออกหมายจับ 2 หมายในรอบสัปดาห์ ยืนยันได้เพียงว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่จำเป็นต้องกลัว
ต่อมา หลังถูกสอบปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมง นายษิทรา ได้ออกมาพบสื่อมวลชนอีกครั้ง พร้อมระบุว่านำหลักทรัพย์เป็นเงินสด 1 แสนบาท มาประกันตัว ขณะเดียวกันจะแจ้งความตำรวจกลับในข้อหาปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 กรณีที่เมื่อคืนที่ผ่านมาตัวเองได้เข้ามาที่ สภ.กระทุ่มแบนเวลา 4 ทุ่ม เพื่อขอมอบตัวเพราะทราบว่ามีหมายจับตั้งแต่ 2 ทุ่มครึ่งแล้ว แต่ตำรวจปฏิเสธไม่รับมอบตัวอ้างสำนวนยังไม่เรียบร้อย

...
"แต่เมื่อเช้ากลับนำกำลังเข้าค้นและพยายามจะจับกุม การกระทำทั้งหมดรู้สึกได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้ง พยายามทำให้ตัวเองถูกสังคมมองว่าเป็นคนผิด ทั้งที่เป็นเพียงชั้นพนักงานสอบสวน ต้องไปสู้กันในชั้นศาล แต่ก็ยืนยันว่าตัวเองไม่ผิด และพร้อมสู้คดี หลังจากนี้เตรียมไปขอคัดสำเนาเอกสารที่ศาลเพื่อนำมาสู้คดี ในนั้นจะมีข้อมูลทุกอย่างชัดเจน
นายษิทรา ยังบอกด้วยว่า หลังจากนี้ เตรียมแจ้งดำเนินคดีกับคนไม่มีอาชีพ ที่พยายามไปกล่อมพยานที่เคยให้ปากคำในชั้นศาล เพื่อให้กลับคำให้การและใส่ร้ายตัวเองด้วย
สำหรับนายษิทรา ถูกออกหมายจับในคดีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ร้องทุกข์ กล่าวหา นายษิทรา และ ร้อยตำรวจเอกทวีป หรือ พชรวรรษ สุขชู ในข้อหา ร่วมกันเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี กรณีที่ ทั้ง 2 คนเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีของนายธีรวัฒน์ บุญรอด จำเลยในคดียาเสพติด ที่ถูกจับกุม โดยมีการกล่าวหาว่า ทั้ง 2 คน ร่วมกันนำสืบและแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ทำให้นายธีรวัฒน์ ได้รับโทษน้อยลง ซึ่งคดีนี้ ถือเป็นคดีที่ 2 ในรอบสัปดาห์นี้ ที่มีศาลได้ออกหมายจับ นายษิทรา ไว้