ตร.โคกสำโรง จับสาววัย 25 ปี ที่ทิ้งลูกน้อยในห้องน้ำวัด รับสารภาพทิ้งเพราะกลัวเหตุท้องไม่มีพ่อ ด้าน ตาและยายที่ทราบข่าวเดินทางมาพร้อมแจ้งขอเลี้ยงดูหลานเอง ก่อนที่ จนท.จะดำเนินคดีแม่เด็กต่อไป
จากกรณีที่ ร.ต.อ.ธีระพงศ์ เตชะนันท์ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.โคกสำโรง อ.โคกสำโรง ลพบุรี ได้รับแจ้งว่ามีผู้พบเด็กทารกถูกทิ้งในห้องน้ำ วัดสิงห์คูยาง ต.โคกสำโรง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบทารกอายุไม่เกิน 1 ถึง 7 วัน ใส่เสื้อลายการ์ตูนห่อหุ้มร่างกาย ข้างๆ กันพบไซริงค์ดูดนมทิ้งไว้ 1 อัน เบื้องต้นทารกมีอาการครบ 32 ร้องไห้จ้า โดยเด็กทารกเพศชายดังกล่าวมีสภาพถูกยุงกัดหลายจุดบริเวณใบหน้า เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ จึงได้ช่วยเหลือเบื้องต้น และได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโคกสำโรง เพื่อให้แพทย์ตรวจเช็กร่างกาย และให้ดื่มนม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ และตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบหญิงต้องสงสัยอุ้มเด็กมาซื้อชาที่ร้านค้าหน้าวัด แล้วหายตัวไป ซึ่งคาดว่าจะเป็นแม่ของเด็ก จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดงานสืบสวนลงพื้นที่ออกติดตามหาตัวพ่อแม่ใจร้ายรายนี้ต่อไป

...
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.62 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวแม่เด็กได้แล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า น.ส.สมศรี (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ได้พลาดท่าตั้งท้องโดยที่พ่อและแม่ไม่ทราบ จนถึงกำหนดคลอด ตัดสินใจไม่ถูกกลัวทางครอบครัวจะตำหนิ ตัดสินใจอยู่นานจึงได้เอาลูกไปทิ้งไว้ในห้องน้ำวัดสิงห์คูยาง ตนเองก็มีความกังวลเช่นกัน กลัวจะไม่มีใครมาเจอลูกตัวเอง ทั้งนี้ทางพนักงานสอบสวน สภ.โคกสำโรง ได้ตั้งข้อหากับ น.ส.สมศรี (นามสมมติ) ในข้อหาทิ้งเด็กอายุไม่เกิน 9 ปี ไว้ ณ ที่ใด อาจทำให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ ซึ่งทาง น.ส.สมศรี (นามสมมติ) ให้การรับสารภาพ

ขณะที่ทางครอบครัวของ น.ส.สมศรี (นามสมมติ) โดยมีพ่อและแม่ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้การถึงเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ขอร้องสื่อมวลชนไม่ให้ทำข่าว เกรงจะมีปัญหาภายหลังกับเด็กต่อไปในภายภาคหน้า โดยตากับยายของน้องที่ถูกทิ้ง บอกกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ทางครอบครับไม่ทราบว่าลูกสาวตั้งท้องตั้งแต่เมื่อไร กับใคร มารู้ก็ต่อเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาติดตามจับตัวลูกสาวแล้ว ตากับยายยินดีและพร้อมที่จะรับหลานชายไปเลี้ยงเอง ขณะนี้ได้ติดต่อกับแพทย์แผนกเวชกุมาร ที่ รพ.โคกสำโรง แล้ว เพียงรอให้ทาง รพ.อนุญาตให้หลานชายกลับบ้านได้เท่านั้น ในส่วนของการดำเนินคดีลูกสาวขอให้เป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง.