แก๊งพล.ท.มนัส คอยฟอกเงินให้ "หลายร้อยล้าน"
หนีมากว่า 4 ปี “โกต๊อก” นักธุรกิจดิวตี้ฟรีชื่อดังเมือง ปาดังเบซาร์ ผู้ต้องหาคนสำคัญคดีค้ามนุษย์โรฮีนจาไม่รอด จนมุมที่บ่อนพนันประเทศเพื่อนบ้าน ชายแดน อ.อรัญประเทศ เพราะติดพนัน รับเคยโอนเงินกับคนในเครือข่ายจริง แต่เป็นเงินทำธุรกิจดิวตี้ฟรีและแลกเปลี่ยนเงินตราด้าน ปคม.ยันมีหลักฐานการโอนเงินให้กับคนในเครือข่ายถึง 126 ครั้ง มีเงินหมุนเวียนในบัญชีหลายร้อยล้านบาท สำนวนการสอบสวนเสร็จรอตัวผู้ต้องหามาฟ้องศาลอยู่แล้ว ฝากขัง 4 พ.ย.นี้ เหลือผู้ต้องหาที่ยังจับกุมไม่ได้อีก 25 คน
รวบผู้ต้องหาคนสำคัญคดีค้ามนุษย์โรฮีนจาคาบ่อนเขมร เปิดเผยขึ้นที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 (บก.ตม.1) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 3 พ.ย. พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบก.ปคม. พ.ต.อ.มานะ กลีบสัตบุศย์ รอง ผบก.ปคม. พร้อมชุดสืบสวน บก.สตม.และ บก.ปคม. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัวนายสุพัฒน์ หรือโกต๊อก สันติปิยกุล อายุ 59 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนาทวี เลขที่ 401/2558 ลงวันที่ 11 ส.ค.2558 ฐานความผิดสมคบและร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปกระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์ โดยกระทำต่อบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี ร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใดๆแก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นโดยทำให้ปราศจากเสรีภาพในทางร่างกายและเรียกค่าไถ่ ชุดสืบสวนจับกุมโกต๊อกได้บริเวณด่านพรมแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 2 พ.ย.
พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ เผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากช่วงเดือน พ.ย.2555 ถึงวันที่ 1 พ.ค.2558 เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาขบวนการค้ามนุษย์รายสำคัญคือ นายบรรณจง หรือโกจง ปองผล อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก เจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ ผู้บริหารการเมืองท้องถิ่น พลเรือนทั้งคนไทยและเมียนมารวม 103 คน ในฐานความผิดสมคบกันค้ามนุษย์ ที่กระทำกับบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี ไม่เกิน 18 ปี และเกินกว่า 18 ปี อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มีส่วนร่วมในอาชญากรรมข้ามชาติ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 และความผิดอื่นตามประมวลกฎหมายอาญา
...
“สำหรับนายสุพัฒน์ หรือโกต๊อก เป็นนักธุรกิจดิวตี้ฟรีมูลค่าหลายพันล้านใน อ.ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา เป็นผู้ต้องหารายสำคัญในคดี หลังเจ้าหน้าที่พบความเชื่อมโยงทางการเงินนับพันล้านบาท ขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับเอาไว้ แต่ระหว่างนั้นนายสุพัฒน์ไหวตัวหลบหนีข้ามชายแดนไปประเทศมาเลเซีย ใช้เครือข่ายความสัมพันธ์ทางธุรกิจคอยให้ความช่วยเหลือหลบซ่อนตัว” รอง ผบช.สตม.กล่าว
พล.ต.ต.สุรพงษ์กล่าวด้วยว่า ต่อมาชุดจับกุมสืบทราบว่านายสุพัฒน์หลบหนีไปที่ประเทศกัมพูชา ประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศกัมพูชาติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า รู้จักกับ พล.ท.มนัส คงแป้น เพราะอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ส่วนหน้าที่ในขบวนการค้ามนุษย์โรฮีนจา ทำหน้าที่ฟอกเงิน หลังถูกออกหมายจับหลบหนีไปอยู่ที่ประเทศมาเลเซียเพื่อหลบซ่อนตัว ที่เดินทางไปประเทศกัมพูชาเพราะส่วนตัวเป็นคนชื่นชอบการเล่นการพนัน เดินทางข้ามไปมาระหว่าง 2 ประเทศจนถูกจับกุมตัวได้
ด้าน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 กล่าวว่า สำหรับผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาดังกล่าวตามหมายจับ ขณะนี้เหลือผู้ต้องหาอีกประมาณ 25 คนอยู่ระหว่างติดตามตัว หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีให้ได้ทั้งหมด เบื้องต้นชุดจับกุมจะนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงาน สอบสวน บก.ปคม.ดำเนินการต่อไป
ที่ บก.ปคม.วันเดียวกัน หลังรับมอบตัวนายสุพัฒน์ หรือโกต๊อก สันติปิยกุล ผู้ต้องหาคนสำคัญคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา พ.ต.อ.มานะ กลีบสัตบุศย์ รอง ผบก.ปคม.กล่าวว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่า โกต๊อกเป็นนักธุรกิจพันล้านใน อ.ปาดังเบซาร์ พบความเชื่อมโยงทางการเงิน ทำหน้าที่ฟอกเงินให้ขบวนการค้ามนุษย์โรฮีนจากว่า 126 ครั้ง มีเงินหมุนเวียนในบัญชีหลายร้อยล้านบาท หลังถูกออกหมายจับหลบหนีไปกบดานอยู่ในประเทศมาเลเซีย ใช้เครือข่ายความสัมพันธ์ทางธุรกิจคอยให้การช่วยเหลือและหลบซ่อนตัวมานานกว่า 4 ปี กระทั่งชุดสืบสวน
บก.ปคม.สืบทราบว่านายสุพัฒน์อยู่ในประเทศกัมพูชา ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.3 และ ตม.จ.สระแก้ว ประสานความร่วมมือกับตำรวจกัมพูชา จับกุมนายสุพัฒน์บริเวณด่านพรมแดนอรัญประเทศ
พ.ต.อ.มานะกล่าวต่ออีกว่า สอบสวนนายสุพัฒน์ให้การภาคเสธว่า รู้จักกับกลุ่ม พล.ท.มนัส และโอนเงินกันจริง แต่เป็นการทำธุรกิจดิวตี้ฟรีและ ธุรกิจแลกเงิน แต่ไม่ได้ร่วมค้ามนุษย์ ระหว่างหลบหนี เดินทางเข้าออกประเทศมาเลเซีย ประเทศกัมพูชา และประเทศไทยอยู่ตลอด ทั้งนี้ ขณะที่หลบหนีมาอยู่ประเทศกัมพูชาก่อนถูกจับเข้าไปเล่นการพนัน หลังจับกุมเจ้าหน้าที่ตรวจสอบในตัวพบเงินสดไม่มาก รวมถึงซักถามผู้ต้องหาพบว่ามีหนี้สินจากการเล่นพนันในประเทศกัมพูชาด้วย หลังจากนี้พนักงานสอบสวน บก.ปคม.นำตัวนายสุพัฒน์ไปคุมขังไว้ที่ สน.ทุ่งสองห้อง ก่อนนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาพรุ่งนี้ (4 พ.ย.) ส่วนผู้ร่วมขบวนการค้ามนุษย์คดีนี้ที่ทำหน้าที่ขนคน ฟอกเงิน และค้ามนุษย์อีกกว่า 20 คน เจ้าหน้าที่จะเร่งขยายผลสืบสวนจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับความคืบหน้าการพิพากษาคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจารายนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ต.ค. ศาลอาญาเพิ่งอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ผู้ต้องหาทั้งหมด 103 คน ศาลอุทธรณ์แก้ในส่วนบทลงโทษผู้ต้องหารายสำคัญว่า ให้จำคุกนายบรรจง ปองผล หรือโกจง อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ จำเลยที่ 1 นายอ่าสัน หรือบังสัน อินทธนู อดีตสมาชิกสภาเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ จำเลยที่ 2 และนายประสิทธิ์ หรือเดช อดีตรองนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ จำเลยที่ 6 เดิมจำคุกคนละ 78 ปีแก้เป็น 79 ปี นายอาบู ฮะอูรา จำเลยที่ 4 เดิมจำคุก 27 ปีแก้เป็น 81 ปี นายสุวรรณ หรือโกหนุ่ย แสงทอง จำเลยที่ 17 เดิมจำคุก 22 ปีแก้เป็น 77 ปี นายสมรรถชัย ฮะหมัด หรือแรมโบ้ จำเลยที่ 20 เดิมจำคุก 14 ปี 8 เดือน แก้เป็น 48 ปี 48 เดือน นายปัจจุบัน หรือโก อังโชติพันธุ์ อดีตนายก อบจ.จ.สตูล จำเลยที่ 29 เดิมจำคุก 79 ปี ยืนลงโทษเท่าเดิม นายอาเนียง ชาวเมียนมา เดิมจำคุก 94 ปียืนเท่าเดิม นางฉันทนา วันทอง จำเลยที่ 33 และ พล.ท.มนัส คงแป้น จำเลยที่ 54 เดิมจำคุก 27 ปี แก้เป็นจำคุก 82 ปี ส่วนนายถาวร หรือบังวร มณี จำเลยที่ 49 และนายผิน ร่วมบัว จำเลยที่ 101 ศาลยกฟ้อง รวมกับศาลชั้นต้นยกฟ้องไว้ 40 คน เป็น 42 คน แต่ให้ขังทั้ง 2 คนนี้ ไว้ระหว่างฎีกา
...