อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลสุดทน ส่งหนังสือทวงหนี้ค่าน้ำบาดาลทั่วประเทศกว่า 350 ล้านบาท แฉ “พระนครศรีอยุธยา” มากสุดกว่า 152 ล้านบาท รองลงมา “สมุทรสาคร” 137 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมและภาคเอกชน เผยแต่ละปีฟ้องร้องมากกว่า 8 พันคดี ประสานผู้บังคับการ ปทส.ขอกำลังเจ้าหน้าที่จับขบวนการลักลอบขุดเจาะบ่อบาดาลผิดกฎหมาย เผยไทยเป็นแหล่งน้ำบาดาลดีที่สุดในโลก น้ำแร่ชื่อดังต่างประเทศหลายยี่ห้อมาจากแหล่งน้ำบาดาลของไทย

เมื่อวันที่ 1 พ.ย. นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศขอให้ช่วยเร่งรัดติดตามค่าใช้น้ำบาดาลและค่าอนุรักษ์น้ำบาดาล ที่มียอดค้างชำระกว่า 350 ล้านบาทจาก 58 จังหวัด ที่มีการขออนุญาตใช้น้ำบาดาล 10 จังหวัด ที่มียอดค้างชำระมากที่สุดคือ พระนครศรีอยุธยา จำนวน 152,726,464.07 บาท สมุทรสาคร จำนวน 137,604,172.86 บาท สมุทรปราการ จำนวน 7,800,628.54 บาท นนทบุรีจำนวน 5,812,115.30 บาท นครปฐม จำนวน 5,227,195.04 บาท นครราชสีมา จำนวน 4,834,855.24 บาทเชียงใหม่ จำนวน 3,476,447.64 บาท สงขลา จำนวน 1,823,157.71 บาท สระบุรี จำนวน 1,267,568.84 บาท ภูเก็ตจำนวน 1,230,654.10 บาท รองลงมา อาทิ ปทุมธานี จำนวน 1,145,145.20 บาท มหาสารคาม จำนวน 1,060,691.24 บาท ขอนแก่น จำนวน 983,445.88 บาท อุบลราชธานี จำนวน 978,296.76 บาท บุรีรัมย์ จำนวน 908,611.77 บาท เป็นต้น โดยหน่วยงานที่ค้างชำระหรือติดหนี้น้ำบาดาล ส่วนใหญ่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมภาคเอกชนและบริษัทห้างร้าน โดยในแต่ละปีมีการฟ้องคดีหน่วยงานที่ค้างชำระมากกว่า 8 พันคดี

อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลกล่าวต่อว่า การจัดเก็บค่าน้ำบาดาลถือว่าไม่ได้มีราคาแพง ในพื้นที่ต่างจังหวัดจัดเก็บเพียง 2.60 บาทต่อคิวเท่านั้น ขณะที่ในพื้นที่กรุงเทพฯจัดเก็บ 8.50 บาท รวมกับค่าอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีก 4.50 บาท เพราะพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นดินค่อนข้างอ่อนจึงมีค่าอนุรักษ์เพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่ได้จากน้ำบาดาลถือว่ามีมูลค่ามหาศาลกว่าค่าน้ำที่ไม่ได้จัดเก็บแพงเลย ยอดค้างชำระถือเป็นทรัพย์สินของราชการที่จะติดตามกลับมาสู่หน่วยงานราชการต่อไป เพื่อนำไปดูแลรักษาระบบน้ำบาดาลของประเทศที่ถือเป็นขุมทรัพย์ใต้ดิน

...

นายศักดิ์ดากล่าวอีกว่า ได้ประสานกับ พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) ขอกำลังเจ้าหน้าที่มาช่วยป้องกันการลักลอบเจาะน้ำบาดาลและการลักลอบใช้น้ำบาดาลอย่างผิดกฎหมาย รวมทั้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.น้ำบาดาล พ.ศ.2562 เข้าตรวจสอบพื้นที่ที่มีการลักลอบขุดเจาะได้ เพราะปัจจุบันมีขบวนการลักลอบขุดหรือเจาะน้ำบาดาลอยู่จำนวนมาก โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ เนื่องจากกฎหมายไม่เอื้ออำนวย

นายศักดิ์ดากล่าวอีกว่า อย่าลืมว่าน้ำบาดาลของประเทศไทยถือเป็นน้ำบาดาลที่มีคุณภาพดีติดอันดับโลก น้ำแร่ที่มีชื่อเสียงของต่างประเทศที่จำหน่ายกันอยู่ในประเทศไทยมาจากแหล่งน้ำบาดาลของประเทศไทยทั้งสิ้น อาทิ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ จ.ตาก จ.เชียงราย จ.ขอนแก่น จ.กำแพงเพชร อ.สามโคก จ.ปทุมธานี หรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นต้น ถ้าปล่อยให้มีการลักลอบขุดเจาะน้ำบาดาล จะส่งผลเสียหายต่อชั้นดินและคุณภาพของน้ำบาดาลทำให้ดินเสีย เนื่องจากชั้นดินแต่ละชั้นมีค่าไม่เท่ากันมีตั้งแต่ระดับ 50 เมตรถึง 500 เมตร รวม 8 ชั้นดิน เช่น ชั้นดินด้านบนมีความเค็ม ขณะที่ชั้นต่อมาเป็นน้ำบาดาลคุณภาพดี ถ้ามีการลักลอบขุดเจาะโดยไม่มีความรู้จะทำให้ชั้นดินเสียทั้งหมดทุกชั้น กลายเป็นดินเค็มและน้ำเค็มทั้งหมด

อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลกล่าวด้วยว่า กรมพยายามนำบ่อน้ำบาดาลนอกระบบเข้าสู่ระบบ เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับระบบน้ำของประเทศ เพราะนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. ได้ให้นโยบายเร่งด่วนคือการจัดทำแผนที่น้ำบาดาลทั่วประเทศเพื่อรับมือภัยแล้ง โดย ทบ.จะเร่งขุดเจาะแหล่งน้ำใต้ดินขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพมารองรับความต้องการใช้น้ำที่มีมากขึ้นช่วงเกิดภัยแล้ง ปัจจุบันประเทศไทยมีปริมาณน้ำบาดาลกักเก็บรวมถึง 1.13 ล้านล้านลูกบาศก์เมตร