กรมพัฒนาที่ดิน เร่งให้ความรู้การปรับปรุงบำรุงดินแก่เกษตรกร ในศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ หนุน ลด ละ เลิก ใช้สารเคมี ช่วยลดต้นทุน เพิ่มรายได้
ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ หมู่ 2 บ้านหนองพลับ ตั้งอยู่ในศูนย์โครงการจัดพัฒนาที่ดินฯตามพระราชประสงค์ (หนองพลับ-กลัดหลวง) ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.เพชรบุรี เดิมพื้นที่ตรงนี้เป็นลูกคลื่นลอนลาด ผสมพื้นที่ราบเรียบ รับน้ำจากภูเขา ไม่สามารถทำมาหากินได้ จึงได้จัดตั้งโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นพื้นที่ตัวอย่างให้กับเกษตรกรเข้ามาศึกษาดูงานเกี่ยวกับเรื่องการประกอบอาชีพ เน้นเรื่องการปรับปรุงดินและการทำปุ๋ยอินทรีย์ การปั้นปุ๋ยเม็ดในการใช้น้ำหมักของพด.2 มาเป็นส่วนผสมในการปั้นปุ๋ยเม็ดแล้วก็ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในสูตร พด.1 มาเป็นกรรมวิธีในการเริ่มต้นในการบด บดละเอียดนำมาผสมเสร็จเรียบร้อยแล้วนำขึ้นสายพานลำเลียง ปั้นเม็ดเสร็จนำออกไปตากให้แห้งจนเห็นว่าเป็นเนื้อสีเทาไม่มีความชื้นอยู่แล้ว ขั้นตอนของการร่อนคัดไซส์จะได้อยู่ 3 ไซส์ เกษตรกรที่ทำสวนในเขตพื้นที่ส่วนใหญ่จะนำปุ๋ยอินทรีย์ไปใช้ในการเกษตรและช่วยลดต้นทุนได้มาก เกษตรกรภูมิใจที่ตัวเองอยู่ในพื้นที่โครงการพระราชประสงค์หนองพลับ-กลัดหลวง และได้มีโอกาสตอบสนองในการที่จะใช้ปุ๋ยอินทรีย์ตามนโยบายหรือตามความประสงค์ของพระองค์ท่านในหลวง รัชกาลที่ 9
...
ภายในศูนย์ฯมี 13 ฐาน ทางการเรียนรู้เกี่ยวกับการดำรงชีวิตของเกษตรกร การปรับเปลี่ยนสายพันธุ์ไม้ผล การเลี้ยงหอยขม การเลี้ยงไก่หลุม ไก่ตะกร้า และการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ให้ความรู้เกี่ยวกับการทำปุ๋ยหมักชีวภาพสารพัดประโยชน์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้ โดยทางกรมพัฒนาที่ดินได้เข้ามาให้การสนับสนุนในเรื่องของการปรับปรุงดินให้มีสภาพดินอย่างครบวงจร
นางสาวจุฬาลัย ค้ำคูณ นักวิชาการเกษตรปฏิบัติการ กล่าวว่า สำหรับศูนย์โครงการหนองพลับได้ดำเนินการสนับสนุนและให้ความรู้กับสมาชิกที่อยู่ในศูนย์โครงการฯโดยเฉพาะในส่วนโครงการจุดนี้เป็นดินชุดท่ายางชุดดินปราณบุรีจะมีค่า pH อยู่ระหว่างกลางค่อนข้างไปทางด่าง ที่พบส่วนใหญ่จะเป็นดินที่ขาดความอุดมสมบูรณ์ ดังนั้นต้องมีการปรับปรุงบำรุงดิน ศูนย์ฯ ได้ให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์สารเร่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสารเร่งซุปเปอร์ พด.1 ในการผลิตปุ๋ยหมัก สารเร่งซุปเปอร์ พด.2 ในการผลิตปุ๋ยน้ำหมัก สารเร่งซุปเปอร์ พด.3 ในการป้องกันโรครากเน่าโคนเน่า นอกจากนี้ก็จะสนับสนุนการปรับปรุงบำรุงดินด้วยพืชปุ๋ยสด ปอเทือง ทางสมาชิกหรือว่าเกษตรกรที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์โครงการ
“เมื่อก่อนนี้สภาพดินยังดีอยู่ช่วงเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ชาวบ้านใช้เคมีมาตลอด แล้วพอมาเจอสารเคมีดินมันไปไม่ไหว เลยเปลี่ยนมาใช้อินทรีย์ประมาณ 4-5 ปี ก็รู้สึกว่าให้ผลผลิตดี ลดต้นทุนได้เยอะ กระสอบหนึ่งถ้าเป็นเคมีก็พันกว่าบาท ปุ๋ยเร่งลูกก็ประมาณพันสอง ถ้าปุ๋ยเร่งต้นก็ประมาณ 7-8 ร้อยบาท อัตราการใช้มากกว่าปุ๋ยเคมีหน่อยต้นหนึ่งก็ใส่ประมาณ 2-3 กิโล ต่อปีใส่ประมาณ 2 ครั้ง 6 เดือนครั้ง การที่เกษตรกรในพื้นที่นำความรู้ที่ได้จากศูนย์การเรียนรู้ไปใช้ภายในพื้นที่ ทำให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุน มีรายรับเพิ่มขึ้น รายจ่ายลดลง ส่งผลให้การดำรงชีวิตของเกษตรดีขึ้น” นางสาวจุฬาลัย กล่าว.