ประปาส่วนภูมิภาคท่าตะโก น้ำสำรองไม่พอแล้งต้องทำเรื่องขอสูบน้ำจากบึงบอระเพ็ด มาเติมบ่อสำรองน้ำเพื่อทำประปา และชาวนาบางส่วนของไพศาลีต้องไถทิ้งเป็นรอบที่ 3 เพื่อหวังว่าจะมีฝนตกลงมาให้ข้าวได้งอก
เมื่อวันที่ 23 ก.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่จังหวัดนครสวรรค์ หน่วยงานภาครัฐของอำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ พร้อมชาวบ้านในพื้นที่ช่วยกันติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ และขนาดเล็กรวมกันกว่า 30 เครื่อง บริเวณประตูน้ำหนองเครือเขาโค้ง หมู่ที่ 2 ตำบลพนมรอก อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อเร่งสูบน้ำเข้าคลองสาขา ส่งต่อไปยังโรงผลิตประปาส่วนภูมิภาคท่าตะโก หลังระดับน้ำในคลองสาขาของบึงบอระเพ็ดแห้งขอดไม่เพียงพอต่อการนำมาทำน้ำอุปโภค-บริโภค
นายคจิต เหมาคม ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาคสาขาท่าตะโก เปิดเผยว่าปริมาณน้ำดิบในบ่อเพื่อทำน้ำประปาของอำเภอท่าตะโก เหลือสำรองใช้ประมาณ 2 สัปดาห์กว่าเท่านั้น ซึ่งน้ำในคลองสาขาของบึงบอระเพ็ดก็ไม่มีน้ำให้สูบขึ้นมาใช้แล้ว จึงต้องขอความร่วมมือทุกฝ่ายทำการสูบน้ำจากบึงบอระเพ็ด สูบน้ำเข้าคลองสาขาส่งต่อไปยังโรงผลิตน้ำประปารวมระยะทางยาวกว่า 13 กิโลเมตร เพื่อผลิตน้ำอุปโภค-บริโภค ให้ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอท่าตะโกกว่า 13,050 รายได้ใช้ อย่างไรก็ตามได้มีการออกประกาศแจ้งเตือนชาวบ้านว่า ห้ามลักลอบสูบน้ำในคลองสาขาของบึงบอระเพ็ดดังกล่าวขึ้นมาเพื่อทำการเกษตรอย่างเด็ดขาด
ด้าน นายวิเชียร จูห้อง นายอำเภอท่าตะโก เปิดเผยว่าต้องออกประกาศเสียงตามสายให้ชาวบ้านในพื้นที่ใช้น้ำประปาอย่างประหยัด เพราะเนื่องมาจากแหล่งน้ำดิบที่จะนำมาทำน้ำประปาในพื้นที่อำเภอท่าตะโกของเราไม่มี ต้องไปของสูบจากบึงบอระเพ็ดมาเติมในบ่อ ซึ่งในช่วงนี้ทางบึงบอระเพ็ดห้ามให้สูบน้ำจากบึงมาใช้ในการเกษตรแล้ง เพราะว่าปีนี้น่าจะแล้งมากแหล่งน้ำในหลายพื้นที่แห้งขอดเกือบหมดแล้ว
...
ในส่วนชาวนาในหลายพื้นที่ของ หมู่ที่ 9 ตำบลสำโรงชัย อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ ต้องไถนาข้าวที่แห้งตายทิ้ง พร้อมกับเตรียมเมล็ดพันธุ์เพื่อเสี่ยงปลูกข้าวรอบใหม่อีกครั้ง หลังที่ผ่านมาฝนทิ้งช่วงยาวนานจนต้นข้าวขาดน้ำแห้งตายไปเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ นายเพชร เทียนนา ชาวนาในพื้นที่เผยว่า ชาวนาในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาฝนทิ้งช่วง ดินแตกระแหง ต้นข้าวขาดน้ำ ผลผลิตเสียหาย หลายคนต้องยอมไถนาข้าวทิ้ง เพื่อเสี่ยงปลูกรอฝนมา 2-3 รอบแล้ว ซึ่งชาวนาทุกคนจะรู้ว่าการทำนาแบบนี้จะได้กำไรน้อยลงหรืออาจขาดทุน แต่ก็ต้องยอมเสี่ยง เนื่องจากเป็นอาชีพเดียวที่ทำอยู่ หากภายใน 15-20 วันมีฝนตกลงมาในปริมาณที่เพียงพอต้นข้าวที่หว่านเอาไว้ก็จะไม่มีปัญหาเลย แต่ในปีนี้ฝนทิ้งช่วง แล้งหนัก ตนเองต้องไถนาข้าวทิ้งมาสามรอบแล้ว ซึ่งก็ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามารับฟังปัญหา หรือมาดูแลเรื่องต้นทุนการทำนาเช่น ราคาเมล็ดพันธ์ข้าว ปุ๋ย ยา ฯลฯ ที่ยังคงแพงอยู่ เพื่อไม่ให้ชาวนาเดือดร้อนไปมากกว่านี้.