กรณีน้องชายแดน วัย 15 ปีตายปริศนาระหว่างเก็บตัวในสถาบันกวดวิชาดังที่นครสวรรค์ ผลชันสูตรชี้เสียชีวิตเพราะตับอ่อนฉีกขาด พ่อเชื่อลูกถูกทำร้าย ด้านติวเตอร์แจ้งเด็กเล่นกันแล้วล้มหัวฟาดราวบันได
จากกรณีที่นายพิษณุ ทรัพย์สิน อายุ 47 ปี ได้เดินทางเข้าร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.รัชตะ สร้อยแก้ว พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 13 มิ.ย.62 เพื่อขอให้สอบสวนหาความจริงกับเจ้าของสถาบันเตรียมทหารแห่งหนึ่ง (กวดวิชาบ้านครูพี่ณัฐ) ในพื้นที่ อ.เมือง จังหวัดนครสวรรค์ โดยลูกชาย ด.ช.ฐปกร ทรัพย์สิน หรือน้องชายแดน อายุ 15 ปี ได้เข้าไปพักอยู่อาศัยเพื่อศึกษาและเตรียมตัวสอบนักเรียนเตรียมทหารที่สถาบัน อยู่มาก็ได้รับบาดเจ็บทางร่างกายอย่างสาหัส และมีอาการช็อกหมดสติ อุจจาระ-ปัสสาวะเรี่ยราด จนต้องส่งโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ เบื้องต้นทางแพทย์ระบุว่า ด.ช.ฐปกร ได้รับความบอบช้ำอย่างมาก ทั้งจากอวัยวะภายนอกและภายใน รวมถึงมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด อาการเป็นตายเท่ากัน
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.62 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายพิษณุ ว่าลูกชายได้เสียชีวิตแล้ว เมื่อเวลา 00.45 น. เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ทำให้ตนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการชันสูตรตรวจสอบศพอย่างละเอียดก่อนจะออกใบมรณะเพื่อระบุสาเหตุการเสียชีวิต หลังจากนั้น จะนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนาที่จังหวัดตากต่อไป ส่วนการค้นหาความจริง กรณีที่ลูกเข้าไปเก็บตัวเพื่อเรียนกับสถาบันกวดวิชานักเรียนเตรียมทหารก่อนจะได้รับบาดเจ็บหนัก และเสียชีวิตนั้น
บิดาของ ด.ช.ฐปกร กล่าวต่อว่า ช่วงบ่ายนี้ ตนได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงรายหนึ่ง ซึ่งระบุว่า เป็นมารดาของเด็กชายรายหนึ่งที่เคยไปศึกษาและเก็บตัวอยู่ที่สถาบันกวดวิชาดังกล่าว แต่ได้ถอนตัวออกมาแล้วนั้น บอกว่าภายในสถาบันกวดวิชามีการใช้การปกครองด้วยกฎแบบเข้มงวด หากมีการทำผิดหรือไม่พอใจอะไร จะมีการใช้ความรุนแรงในการลงโทษ โดยระหว่างการพูดคุย ตนก็ได้บันทึกเสียงการพูดคุยไว้ทั้งหมด จึงทำให้ทราบเรื่องราวของการเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ที่สถาบันแห่งนี้ อีกทั้งยังมีบางช่วงบางตอนที่มีการพูดถึงเรื่องลูกตนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
...
นายพิษณุ กล่าวอีกว่า บางตอนมีการระบุว่า การลงโทษ จะมีการใช้วิธีตั้งแต่ให้ไปทำงานบ้านคนเดียว จนเลยเถิดไปถึงการใช้ความรุนแรงถึงขั้นให้นักเรียนคนอื่นรุมซ้อม และผมเชื่อว่า ลูกชายผมต้องถูกรุมทำร้ายอย่างแน่นอน แต่จะเป็นใครรุมทำร้ายนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ ซึ่งตอนนี้ผมต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมในการเอาผิด ส่วนในทางคดีทราบว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการเชิญตัวเจ้าของสถาบันมาสอบสวน โดยเรื่องนี้ ผมจะดำเนินการเอาผิดเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกชายให้ถึงที่สุด
ส่วนผลการชันสูตรตรวจสอบสภาพศพ ด.ช.ฐปกร เบื้องต้น พบว่ามีแผลศีรษะแตก เย็บ 7 เข็ม แขนขวาหัก และพบว่าบริเวณด้านหลังมีรอยการถูกทุบตีด้วยของแข็งบริเวณแผ่นหลังไปถึงขาหลายจุด รวมถึงที่อัณฑะมีร่อยรอยไหม้คล้ายถูกไฟลน ส่วนอวัยวะภายในได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก กระเพาะ ปอดช้ำ ตับอ่อนฉีกขาด ซึ่งแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่า เป็นการบาดเจ็บของตับอ่อน โดยการกระทบต่อช่องท้อง
ด้าน นายณัฐพล ถาวรพิบูลย์ อายุ 27 ปี เจ้าของสถาบันกวดวิชาบ้านพี่ณัฐ กล่าวชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนักเรียนในสังกัดเสียชีวิต ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากการเล่นกันเองของกลุ่มนักเรียนในสถาบันที่พักเก็บตัวอยู่ร่วมกันโดยการสกรัมให้ล้มเหมือนการเล่นรักบี้ แล้วเด็กคนอื่นก็จะล้มตัวทับกันเป็นชั้นๆ ซึ่งในขณะที่เล่นกันนั้น ตัว ด.ช.ฐปกร อยู่ข้างล่างสุด แล้วสะบัดตัวหลุดออกมาได้ ก็วิ่งหนีขึ้นไปชั้น 2 ของบ้าน ขณะวิ่งขึ้นไปยังชั้น 2 ของบ้าน จู่ๆ ด.ช.ฐปกร ก็หมดสติ ล้มลงตรงหน้าบันได จนทำให้ศีรษะกระแทกกับบันไดจนแตกนอนนิ่งไป เด็กนักเรียนที่เล่นกันจึงรีบมาแจ้งตน ก่อนจะช่วยกันพา ด.ช.ฐปกร ส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ ขอยืนยันและพร้อมเข้าไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ขณะที่ ด.ช.ฟ้า (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี นักเรียนกวดวิชาที่เข้าเก็บตัวอยู่ในสถาบันเดียวกัน ได้เล่าเหตุการณ์เหมือนกับนายณัฐพล ระบุ พร้อมกับรู้สึกตกใจหลังทราบข่าวว่าเพื่อนได้เสียชีวิต พร้อมทั้งพาสื่อมวลชนดูสำรวจพื้นที่ภายในบ้าน ซึ่งตั้งเป็นสถาบันกวดวิชาเตรียมทหาร พบว่า ด้านในมีการจัดแยกเป็นห้องพักสำหรับนักเรียนที่จะมาพักอาศัย พร้อมพาไปตรวจสอบจุดที่มีการเล่นสกรัมกันจนทำ ด.ช.ฐปกร ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดย ด.ช.จิรายุ ยืนยันว่า เป็นการเล่นกันเอง จนทำให้ ด.ช.ฐปกร เกิดหมดสติหัวล้มฟาดกับราวบันได เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวน ยังไม่มีการเรียกคู่กรณีมาสอบปากคำแต่อย่างใด
นายพิษณุ พ่อของด.ช.ฐปกร ที่เสียชีวิต เตรียมเข้าแจ้งความเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน แต่ขอดำเนินการจัดงานสวดพระอภิธรรมศพของบุตรชายวันแรก ที่วัดส้มเกลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดตาก ให้เรียบร้อยก่อน จึงจะเดินทางกลับมาแจ้งความเพิ่ม ส่วนนายณัฐพล เจ้าของสถาบันกวดวิชา ยืนยันว่า จะไม่หลบหนีไปไหนอย่างเด็ดขาด และพร้อมที่จะเข้าให้ปากคำกับตำรวจ โดยจะมีการนำนักเรียนคนอื่นๆ ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนด้วย.