สถ.ลงพื้นที่ จ.ลพบุรี ชู "ถังขยะเปียก ระบบปิด" เพื่อประเทศไทยไร้กลิ่นเหม็นของขยะ พร้อมชวนแม่บ้านทหารบก ร่วมขับเคลื่อนเพื่อสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน

เมื่อวันที่ 27 ก.พ.62 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานชมรมแม่บ้านกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ และคณะ ลงพื้นที่ จ.ลพบุรี ตรวจติดตามโครงการพัฒนาและขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจก จากโครงการถังขยะเปียก ลดโลกร้อนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในเขตพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลโก่งธนู พร้อมมอบนโยบายการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชน โดยมี นายสุปกิต โพธิ์ปภาพันธ์ ผู้ว่าราชการ จ.ลพบุรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน/หมู่บ้าน และสมาชิก และอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก (อถล.) จำนวนมากในพื้นที่เข้าร่วม ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลโก่งธนู จากนั้นลงพื้นที่ตรวจติดตามวิธีการจัดเก็บข้อมูลปริมาณขยะเปียกในระดับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และระดับครัวเรือนของพื้นที่

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า จ.ลพบุรี เป็นจังหวัดที่ 4 จากทั้งหมด 5 จังหวัดในกลุ่มตัวอย่าง ที่กรมฯขอให้มีการดำเนินการจัดเก็บข้อมูล เพื่อทำวิจัยการประเมิน และรับรองผลการบริหารจัดการขยะเศษอาหาร ตามแนวทางการทำถังขยะเปียกในการช่วยลดสภาวะโลกร้อน โดยเทียบเท่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยใน 3 กลุ่มเป้าหมาย คือ ประเภทครัวเรือน ประเภทศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และประเภทโรงเรียน ทั้งหมดนี้เพื่อให้ได้ค่าเฉลี่ยอัตราการเกิดขยะเศษอาหาร ที่สามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงของ สถ.ในการลดภาระการบริหารจัดการขยะของส่วนรวม และสร้างมูลค่าเพิ่มจากสารบำรุงดินที่ได้จากการหมักขยะเศษอาหารในถังขยะเปียก ซึ่งในอนาคตการจัดทำถังขยะเปียกครัวเรือนสามารถประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงได้จากการดำเนินโครงการถังขยะเปียก ลดโลกร้อน หากได้รับการขึ้นทะเบียนรับรองเพื่อพัฒนาคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) สำเร็จ ก็อาจมีรายได้ในอนาคตกลับคืนสู่ชุมชนได้ ซึ่งทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวันนี้ รศ.ดร.ชนาธิป ผาริโน อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ที่จะพัฒนาระเบียบวิธีวิจัยการประเมิน และรับรองผลการบริหารจัดการขยะเศษอาหาร ตามแนวทางการทำถังขยะเปียกในการช่วยลดสภาวะโลกร้อนโดยเทียบเท่าการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับสากล ก็ได้ลงพื้นที่มาในวันนี้ด้วยเช่นกัน

...

ทางด้าน ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานชมรมแม่บ้านกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (ชม.สถ.) และประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ กล่าวด้วยว่า ในฐานะเครือข่ายจิตอาสา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของพลังสตรีหรือพลังแม่บ้านในการเป็นจิตอาสา เสริมสร้างจิตสำนึกของการคัดแยกขยะเศษอาหารตั้งแต่ต้นทาง นั่นคือ ครัวเรือน โดยใช้กลไกของแม่บ้านที่เป็นผู้ใกล้ชิดคนในครอบครัวที่สุด โดยกระตุ้นให้มีการคัดแยกขยะเศษอาหารหรือขยะเปียกออกจากขยะทั่วไป ช่วยสร้างความรับรู้ การมีส่วนร่วมในการลดปริมาณขยะ

ดร.วันดี ยังได้กล่าวถึงความร่วมมือระหว่าง ชม.สถ. กับ สมาคมแม่บ้านทหารบก ด้วยว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเข้าหารือกับ รศ.ดร.กฤษติกา คงสมพงษ์ นายกสมาคมแม่บ้านทหารบก โดยทั้งสองชมรมฯ มีนโยบายที่สอดคล้องกันและสามารถสานต่องานร่วมกันได้ในอนาคต นั่นคือ นโยบายการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม ซึ่งในฝั่งสมาคมแม่บ้านทหารบก ได้ส่งเสริมให้กำลังพลของกองทัพบก และครอบครัว มีจิตสำนึกในการคัดแยกขยะและรักษาสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณขยะมูลฝอยในชุมชนทหาร และมีการจัดตั้งธนาคารขยะภายในหน่วยงาน เป็นที่มาให้สมาคมแม่บ้านทหารบก ส่งตัวแทนร่วมการลงพื้นที่ตรวจติดตามโครงการถังขยะเปียก ลดโลกร้อนในวันนี้

ในตอนท้าย นายสุทธิพงษ์ และ ดร.วันดี ได้กล่าวชื่นชมผู้บริหารของจ.ลพบุรี และอปท.ที่ช่วยทำให้ฝันเป็นจริง โดยดำเนินการการจัดการขยะเปียกครัวเรือนนำร่อง เพื่อคำนวนหาค่าเฉลี่ยอัตราการเกิดขยะเศษอาหาร ในการลดภาระการบริหารจัดการขยะของส่วนรวม และสร้างมูลค่าเพิ่มจากสารบำรุงดินที่ได้จากการหมักขยะเศษอาหารในถังขยะเปียก ซึ่งจนถึงวันนี้เฉพาะที่จังหวัดลพบุรีมีจำนวนครัวเรือนที่มีการจัดทำถังขยะเปียก 125,900 ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 73 ของครัวเรือนทั้งหมด รวมถึงมีจำนวนครัวเรือนที่เข้าร่วมเป็นเครือข่าย “อาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก” (อถล.) แล้วกว่า 105,849 ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 61 ของครัวเรือนทั้งหมด อีกหนึ่งความสำเร็จคือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 125 แห่งในจังหวัด ยังได้ดำเนินการตามแผนรณรงค์แยกก่อนทิ้ง ของกระทรวงมหาดไทย ด้วยการจัดทำสัญลักษณ์แยกประเภทขยะครบถ้วน 100% แล้วอีกด้วย

ต้องขอขอบคุณท่านผู้บริหารทุกท่านที่ได้ร่วมกันตอบสนองต่อวาระแห่งชาติ การบริหารจัดการขยะ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้รับมอบหมายจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้รับผิดชอบในเรื่องนี้ การบริหารจัดการขยะเป็นการทำตามสัจธรรม เมื่อเราเป็นคนสร้างของเสีย เราก็ต้องเป็นคนจัดการ ไม่เช่นนั้น โลกของเราก็จะเป็นศูนย์รวมของเชื้อโรค มีกลิ่นเหม็น สกปรก รกรุงรัง เกิดก๊าซเรือนกระจก นำไปสู่ภาวะโลกร้อน และทำให้อากาศเกิดความแปรปรวน ซึ่งวันนี้การบริหารจัดการขยะขององค์การบริหารส่วนตำบลโก่งธนู ถือว่าทำได้สำเร็จในระดับที่กลายเป็น "ตักศิลา" หรือศูนย์เรียนรู้ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งอื่นๆ ซึ่งกรมฯ อยากให้มีการเผยแพร่วิธีการบริหารจัดการขยะของ อบต.โก่งธนูออกไปให้มากที่สุด เพื่อจะได้เป็นความรู้ และเป็นตัวอย่างของการบริหารจัดการขยะในทุกมิติต่อไป

และอยากถือโอกาสฝากสองเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการขยะ เรื่องแรก ก็คือ การจัดทำ "ถังขยะเปียก ระบบปิด" ที่ในภาคเหนือจะนิยมจัดการขยะเปียกผ่านการจัดทำ "เสวียน" ครอบต้นไม้ เพื่อใช้เป็นสถานที่เก็บกิ่งไม้ ใบไม้ รวมทั้งขยะเปียกให้เป็นปุ๋ยของต้นไม้ ซึ่งถือว่าดีแล้ว แต่กรมฯ อยากเห็นการจัดทำ "ถังขยะเปียก ระบบปิด" เพราะระบบปิด จะทำให้เกิดการเน่าเปื่อย การย่อยสลาย และทำให้กระบวนการลดก๊าซเรือนกระจกดำเนินไปได้ดีกว่าระบบเปิดแบบเสวียน ที่ทาง กรมฯ เอง ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายในเดือนเมษายน 2562 นี้ ทุกครัวเรือนทั่วประเทศจะต้องมีถังขยะเปียกครัวเรือนครบ 100% เรื่องที่สองคือ "อาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก" (อถล.) ซึ่งที่ อบต.โก่งธนู มีจำนวนสมาชิกมากกว่า 1,500 คน นอกเหนือไปจากที่ อถล.จะได้ร่วมกันบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เพื่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ก็อยากเห็นการฝึกอบรมให้กับอาสาสมัครเหล่านี้ในหัวข้อต่างๆ เช่น การฝึกอบรมการบริหารจัดการขยะขั้นสูง พาไปศึกษาเรียนรู้ในที่อื่นๆ ทำให้รับความรู้และเกิดความรักความสามัคคีของชุมชนด้วย

...

นอกจากนี้ นายสุทธิพงษ์ ยังย้ำด้วยว่า ปีนี้ถือว่าเป็นปีมหามงคลของชาวไทย ซึ่งจะมีการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ระหว่างวันที่ 4-6 พฤษภาคม 2562 จึงอยากเชิญชวนให้มาร่วมกันทำความดีเพื่อเฉลิมฉลองและแสดงความจงรักภักดีถวายแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวาระนี้