เกิดเหตุ พ่อเฒ่าวัย 79 พาคู่ขาวัย 70 เข้าม่านรูด ยังไม่ทันได้เสพสุข เกิดชักเกร็งดับคาโรงแรม ญาติเผยผู้ตายเป็นโรคความดันและอัมพฤกษ์ ด้านเจ้าหน้าที่คาดสาเหตุการตาย เกิดจากหัวใจวายเฉียบพลัน...
วันที่ 15 ก.พ. 62 พ.ต.ท.ไพรรัตน์ วรรณี สว.(สอบสวน) สภ.เมืองปทุมธานี ได้รับการประสานจาก ร.ต.อ.สมร เพชรแสน รอง.สวป.สภ.เมืองปทุมธานี ว่ามีเหตุผู้เสียชีวิตภายในโรงแรมแห่งหนึ่งย่าน อ.เมืองปทุมธานี จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกับชุดสืบสวน และแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ตรวจสอบที่เกิดเหตุซึ่งด้านหลังโรงแรมเป็นแบบม่านรูด ที่ห้องหมายเลข 19 พบผู้เสียชีวิตเป็นชายอายุ 79 ปี สภาพศพนอนหงายอยู่บนพื้นห้องข้างเตียง ในลักษณะไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบบาดแผลและร่องรอยการต่อสู้ ส่วนภายในห้องพบเสื้อผ้าผู้ตายวางกองอยู่บนโซฟา และที่โต๊ะมีขวดเบียร์ที่ดื่มเหลือก้นขวดวางอยู่ จึงรวบรวมและถ่ายภาพบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าหัวใจวายเฉียบพลัน
นอกจากนี้ บริเวณด้านหน้าห้องดังกล่าว พบหญิง อายุ 70 ปี ชาว จ.ลพบุรี ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนกับผู้ตายรู้จักกันมาประมาณ 7-8 ปี และเมื่อช่วงเช้าผู้ตายได้โทรศัพท์ให้มาหาเพื่อจะมาร่วมหลับนอนกัน โดยนัดกันที่โลตัสเอ็กซ์เพรส บางเดื่อ จากนั้นจึงพากันนั่งรถแท็กซี่เข้ามาเปิดห้อง
ขณะที่ ผู้ตายได้ถอดเสื้อผ้าก็มายืนลูบไล้ตน ก่อนจะใช้มือช่วยตัวเอง สักพักก็เริ่มเกร็งและหายใจติดขัด แล้วก็ล้มหงายลงไป ด้วยความตกใจจึงรีบเปิดประตูไปเรียกพนักงานโรงแรม เข้ามาช่วยก่อนเรียกรถกู้ชีพ รพ.ปทุมธานี มาช่วยเหลือ แต่ไม่ทัน พ่อเฒ่าก็เสียชีวิตไปก่อนแล้ว
...
ต่อมา ญาติผู้ตายเดินทางมาดูที่เกิดเหตุพร้อมกล่าวว่า ผู้ตายเป็นโรคประจำตัวลักษณะอัมพฤกษ์แขนขาข้างขวา ไม่ค่อยมีแรง และยังมีโรคความดัน โดยไปไหนมาไหนจะต้องใช้รถแบบสามล้อถีบและไม้เท้า ซึ่งเมื่อเดือนเศษ ภรรยาผู้ตายก็เพิ่งเสียชีวิตไป และช่วงเช้าวันนี้เห็นแกปั่นรถสามล้อออกมาหน้าหมู่บ้าน ไม่คิดว่าจะมานัดคู่ขามาเปิดโรงแรมนอน
ทางด้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่า ในเบื้องต้น ได้ตรวจสอบพยานหลักฐานไว้หมดแล้ว พร้อมกับได้ติดต่อญาติมาสอบสวน และสอบปากคำผู้หญิงคู่ขาที่มาเปิดห้องด้วยกัน โดยมีการทำประวัติไว้ก่อน ส่วนศพมอบให้มูลนิธิฯ นำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง.