รวบยกแก๊ง! 6 โจ๋ชาย-หญิง ขนกัญชาอัดแท่งซุกกระบะ คลุมผ้าใบตบตา มีรถนำขบวนพร้อม ยึดของกลางมูลค่ามากกว่า 3 ล้าน สารภาพสิ้น รับมาจากภาคอีสานในราคาโลละ 2,500 บาท...

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 8 ก.พ.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.อนุภาพ ศรีนวล ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี พ.ต.อ.อนุรักษ์ พรพุทธศรี รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี และนายประทีป นทีทวีวัฒน์ นายอำเภอปากท่อ จ.ราชบุรี ได้ร่วมกันตรวจสอบรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ สีดำ หมายเลขทะเบียน กธ-3368 เพชรบุรี ซึ่งภายท้ายกระบะมีผ้าใบสีดำคลุมปิดไว้ ตรวจสอบพบมีกัญชาอัดแท่ง บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีดำ น้ำหนักรวม 320 กิโลกรัม

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายข่าวรายงานว่า นายธีรยุทธ วัดแย้ม อายุ 41 ปี เจ้าของฉายา “มี้ พงสวาย” อยู่บ้านเลขที่ 51 หมู่ 3 ต.พงสวาย อ.เมือง จ.ราชบุรี ได้นำรถคันดังกล่าวไปรับกัญชามาจากทางภาคอีสาน และนำมาพักไว้ที่บ้าน 1 คืน ก่อนจะนำไปส่งให้กับลูกค้าในภาคใต้ เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามไปจับกุม โดยได้รับความร่วมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากท่อ ช่วยสกัดจับกุมได้ที่บริเวณสี่แยกปากท่อ อ.ปากท่อ ก่อนควบคุมตัวนายชวณัฐ เสาร์ด้วง อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นคนขับ และนายศักดิ์รินทร์ เสาร์ด้วง อายุ 20 ปี ที่นั่งมาในรถด้วย มาสอบสวนขยายผล

จนกระทั่งตามจับกุมได้ยกแก๊งรวม 6 ผู้ต้องหา พร้อมยึดรถเก๋งของกลาง ยี่ห้อฮอนด้า สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กน-9285 ราชบุรี ซึ่งมีนางสาวสุวิมล พันธ์ชมพู อายุ 29 ปี เป็นคนขับ และนางสาวนิรชา พุทธนิยม อายุ 23 ปี อยู่ในรถ และรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีฟ้า หมายเลขทะเบียน กบ-1736 ราชบุรี ซึ่งมีนายธีรยุทธ หรือ “มี้ พงสวาย” เป็นคนขับ และนางสาวสุมิตตา วัดแย้ม อายุ 22 ปี ที่นั่งมาด้วย

...

สอบถามนายธีรยุทธ หรือ “มี้ พงสวาย” ให้การรับสารภาพว่า กัญชาทั้งหมดนั้นเป็นของตนเอง ซึ่งค้าขายกัญชามานานแล้ว โดยไปรับกัญชามาจากทางภาคอีสานในราคากิโลกรัมละ 2,500 บาท แต่นำไปส่งให้กับลูกค้าในราคากิโลกรัมละ 10,000 บาท โดยเวลาที่จะนำกัญชาไปส่งจะใช้รถยนต์เก๋งทั้งสองคันที่ถูกยึดมาได้ เป็นรถที่ไปดูต้นทางล่วงหน้า ส่วนรถยนต์กระบะนั้นจะใช้ขนกัญชา ทำอย่างนี้มาตลอดจนกระทั่งมาถูกจับในวันนี้ ส่วนมูลค่าของกัญชาถ้าส่งถึงมือลูกค้าได้ จะมีมูลค่ามากกว่า 3 ล้านบาท

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คนไว้สอบสวนขยายผล พร้อมทั้งตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อนำไปสู่การใช้ พ.ร.บ.ยึดทรัพย์ และแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวดำเนินคดีต่อไป.