หนุ่มไปรษณีย์ร้องกองปราบขอความเป็นธรรม ถูก ตร.สืบเมืองกาญจน์ยิงบาดเจ็บ เหตุเข้าใจผิดคิดว่าจะชิงทรัพย์บิ๊กไบค์ แถมยัดข้อหาร่วมกันพยายามฆ่า จนท. ด้านแม่บอกไว้ใจตำรวจท้องที่ไม่ได้...
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 5 ก.พ.2562 ที่ กองปราบปราม นายจักรกฤษณ์ เส็งจีน อายุ 27 ปี พนักงานไปรษณีย์ในจังหวัดกาญจนบุรี ชาวบ้าน หมู่ 3 ต.หนองหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมด้วย นางรัดใจ เส็งจีน อายุ 58 ปี มารดา และทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ รอง ผกก.5 บก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรม กรณีถูกดาบตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดกาญจนบุรี ยิงได้รับบาดเจ็บ และยัดข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองและที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและอีกหลายข้อหาโดยไม่เป็นธรรม
นายจักรกฤษณ์ กล่าวว่า เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 15 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา ขณะที่กำลังขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ อยู่บนถนนลิ้นช้างเขาปูน ต.หนองหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อไปส่งเพื่อนในตัวเมืองกาญจนบุรี เมื่อมาถึงหน้าโรงเรียนเขาปูน พบรถบิ๊กไบค์ขับส่ายไปมาเหมือนมีอาการเมาสุรา จึงเตรียมแซงขวา แต่ทางข้างหน้าเป็นทางโค้ง คนขี่รถบิ๊กไบค์คันดังกล่าวซึ่งสวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบหันมามองตน จนทำให้รถล้มลง ระหว่างนั้นจึงชะลอรถเพื่อจะเข้าไปช่วยเหลือ แต่ยังไม่ทันได้จอด ชายคนดังกล่าวกลับชักอาวุธปืนออกมายิงใส่ตนกับเพื่อน จำนวน 2 นัด กระสุนถูกตัวรถ เศษกระสุนกระเด็นเข้าบริเวณขาด้านซ้ายได้รับบาดเจ็บ ด้ายความตกใจเพื่อนที่นั่งซ้อนท้าย ได้กระโดดวิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือ และหลบภายในบ้านของชาวบ้านใกล้ที่เกิดเหตุ ด้วยความตกใจกลัว ตนจึงได้ขี่รถหนีไป ก่อนโทรแจ้งมารดาและพาเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี
นายจักรกฤษณ์ กล่าวต่อว่า ขณะให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน มีกลุ่มชายฉกรรจ์ 3-4 คน อ้างเป็นตำรวจชุดสืบสวนจังหวัด หนึ่งในนั้นเป็นคนที่ยิงตน พร้อมขออายัดตัวไปสอบปากคำที่สืบสวนจังหวัด อ้างว่าตนใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ เพื่อชิงทรัพย์รถบิ๊กไบค์ ซึ่งตนปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนยิง แถมยังถูกยิงอีกต่างหาก แต่เขายืนยันจะพาตนไปสอบสวนต่อ แต่อาของตนที่เป็นทหารใน จ.กาญจนบุรี ได้เข้ามาขัดขวางไว้เพราะเกรงว่าจะถูกทำร้ายร่างกาย ขณะที่เพื่อนที่ไปด้วยกันได้ถูกชายที่อ้างว่าเป็นตำรวจสืบสวนจังหวัดจับกุมตัวไปหลังเกิดเหตุ และถูกซ้อมขณะให้ปากคำอีกด้วย
...
นอกจากนี้ กลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างว่าเป็นตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดกาญจนบุรี ยังได้เข้ามาค้นบ้านพักของตนเองด้วย แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มกราคม ได้มีหมายจับของศาลมาหาตน โดยถูกแจ้งดำเนินคดีหลายข้อหา ทั้งข้อหาพยายามฆ่า, ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง และพกพาไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

"หลังเกิดเหตุผมเครียดมากที่ถูกแจ้งข้อหาหนัก ทั้งที่ไม่ได้ก่อเหตุตามที่ถูกใส่ร้าย ทั้งนี้ตอนแรกเขาหาว่าผมชิงทรัพย์รถบิ๊กไบค์ แต่ในสำนวนพบว่าไม่มีข้อหาพยายามชิงทรัพย์แต่อย่างใด และในบันทึกจับกุมไม่ได้มีของกลางอาวุธปืนอีกด้วย ต่อมาผมกับญาติๆ ได้สอบถามชาวบ้านในพื้นที่ทราบว่าดาบตำรวจคนดังกล่าวมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมหลายเรื่อง โดยชอบมาตั้งวงกินเหล้าใกล้ที่เกิดเหตุ และชอบยิงปืนเล่นภายในร้านอีกด้วย ที่เขาแจ้งข้อหาผมเพราะกลัวคดีที่ผมแจ้งความเขาว่าพยายามฆ่า อย่างไรก็ตาม ผมกับดาบตำรวจคนดังกล่าวไม่เคยรู้จักและมีเรื่องกันมาก่อนแต่อย่างใด นอกจากนี้ ผมมีงานเป็นหลักแหล่ง ที่บ้านพอมีฐานะ และไม่เคยมีประวัติก่อคดีแต่อย่างใดด้วย" นายจักรกฤษณ์ กล่าว
ด้าน นางรัดใจ มารดาของนายจักรกฤษณ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทำร้ายครอบครัวทั้งทางตรงและทางอ้อม เพราะลูกชายเป็นคนดี ไม่เคยมีประวัติติดยาเสพติด และคดีเกี่ยวกับทรัพย์หรือคดีทำร้ายร่างกายมาก่อน อีกทั้งมีหน้าที่การงานที่มั่นคงและมีครอบครัว หลังเกิดเรื่องลูกชายต้องถูกพักงานไม่มีกำหนด ขาดรายได้ อีกทั้งคนที่ถูกกระทำต้องกลายเป็นผู้ต้องหา ซึ่งรับไม่ได้ ยืนยันจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด โดยระบุในที่เกิดเหตุมีพยานที่พร้อมขึ้นให้การเป็นพยานหลายคน
"สามีของฉันและพ่อของลูกชายเคยเป็นตำรวจด้วย แต่มาเสียชีวิตตั้งแต่ลูกยังเด็ก พอหลังเกิดเรื่องฉันได้ไปหาเพื่อนตำรวจและอดีตเพื่อนร่วมงานของสามีแต่กลับไม่มีใครให้ความสนใจเลย อยากขอร้องให้กองปราบปรามช่วยตรวจสอบคดีนี้ด้วย และหากเป็นไปได้ขอให้โอนคดีนี้ มาอยู่ในความดูแลของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพราะเป็นคดีระหว่างประชาชนกับตำรวจ ทำให้ฉันไม่อาจไว้วางใจตำรวจท้องที่ได้ จึงขอความเป็นธรรมกับฉันและลูกชายด้วย" มารดาของนายจักรกฤษณ์ กล่าว
พ.ต.ท.อภิสัณฐ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้สอบปากคำ นายจักรกฤษณ์ ผู้ร้องและนำหลักฐานเอกสารคดีมาประกอบการสอบสวน ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป.