จับแล้วหนุ่มพยายามจะข่มขืนสาวชัยนาท จนมุมคาบ้านแม่ ด้าน ตร.คุมตัวไปทำแผนฯ แต่เช้ามืด ด้าน ผู้ต้องหายันแค่จะเข้ามาขโมยของ ส่วนชาวบ้านโล่งใจไม่ต้องผวาของหาย...

จากกรณีที่ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางสาวเอ (นามสมมติ) อายุ 36 ปี ชาวบ้าน ต.อู่ตะเภา อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ว่า ถูกนายพรรษา รามนันท์ อายุ 24 ปี ชาวบ้าน ม.4 ต.อู่ตะเภา อ.มโนรมย์ เพื่อนบ้านในละแวกที่อยู่อาศัยเดียวกัน พยายามข่มขืน โดยใช้เชือกรัดคอในยามวิกาล เมื่อช่วงเวลาประมาณ 00.30 น. ของวันที่ 14 ม.ค. 2562 ที่ผ่านมานั้น เบื้องต้น ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หางน้ำสาคร เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ แต่อยากวอนขอให้หน่วยงานเร่งนำตัวผู้กระทำผิดลงโทษตามกฎหมาย เพราะปกติอยู่กับแม่ และลูกน้อยอีก 2 คน สามีทำงานที่ กรุงเทพฯ กลัวว่าคนร้ายจะวกกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก สามีก็ต้องลางานมาเฝ้าที่บ้าน เนื่องจากหลังเกิดเหตุ คนร้ายก็มาที่บ้านอีก ซุ่มดูอยู่ในป่า ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขออนุมัติศาลขอหมายจับไปแล้วเมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2562 นั้น

จากการสั่งการของ พ.ต.อ.อารักษ์ สมถวิล ผกก.สภ.หางน้ำสาคร เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนจาก กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท และ จนท.ทีมสืบสวน สภ.หางน้ำสาคร ได้ปูพรมค้นหาภายในพื้นที่จังหวัดชัยนาทแล้ว ทุกที่ทุกแห่งที่คิดว่าคนร้ายเคยไป จากความเป็นไปได้ แต่กลับไม่พบนายพรรษาแต่อย่างใด คาดว่าจะหลบหนีออกนอกจังหวัดไปแล้ว จึงประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อติดตามตัวนายพรรษา เนื่องจากเป็นบ้านของมารดา ก็พบนายพรรษาอยู่จริงๆ จึงเข้าชาร์จจับตัวกลับมายัง สภ.หางน้ำสาคร ท้องที่เกิดเหตุช่วงกลางดึกที่ผ่านมา โดยนายพรรษา ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุจริงตามที่ข่าวได้นำเสนอไป แต่ให้การปฏิเสธเกี่ยวกับกรณีข่มขืน เพราะไม่ได้พยายามที่จะล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ได้สัมผัสหน้าอก หรืออะไรเลย เพียงแค่จะเข้าไปขโมยของเท่านั้น

...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด เวลา 09.30 น. วันที่ 25 ม.ค. 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัว นายพรรษา ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยนายพรรษา เริ่มจากช่วงเวลา 20.00 น. วันที่ 14 ม.ค. 2562 ได้เข้าไปซื้อถุงมือ ที่ร้านขายของชำ ซอยถัดไปจากที่เกิดเหตุ มาใส่เพื่ออำพรางรอยนิ้วมือ จากนั้นก็เดินมาซุ่มอยู่ในป่า เห็นว่าบ้านเงียบไม่มีคนอยู่ในบ้าน จึงย่องเข้าทางประตูหลัง ไปแอบอยู่ภายในบ้าน พอถึงช่วงเที่ยงคืน เห็นว่าทุกคนเริ่มหลับสนิท จึงเข้าไปล็อกกุญแจที่ห้องของแม่นางสาวเอก่อน แล้วจึงย่องเข้ามาในมุ้งของนางสาวเอ ใช้มือปิดปาก และพยายามใช้เชือกไม่ให้นางสาวเอดิ้นได้ พอนางสาวเอดิ้นหลุด เห็นท่าไม่ดี จึงวิ่งหนีไปที่บ้าน และมาซุ่มอยู่ในป่า เพราะไม่กล้ากลับไปบ้าน พอข่าวเริ่มดัง ก็เดินทางไปบ้านแม่ทันที

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งข้อหา 2 ข้อหา คือ 1. บุกรุกในเคหสถานเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย และ 2. พยายามทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนเรื่องอนาจาร อาจจะไม่เข้าข่าย เพราะไม่มีการล่วงละเมิดทางเพศแต่อย่างใด

ด้าน นางสาวเอ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตอนนี้ก็รู้สึกโล่งใจ ไม่ต้องอยู่อย่างหวาดระแวงขวัญผวาอีกต่อไป ไม่ต้องคอยระวังเหมือนช่วงที่คนร้ายยังลอยนวลอยู่ ต่อไปนี้จะได้ใช้ชีวิตปกติ เสียทีไม่ต้องคอยมาฟังเสียงหมาเห่า ว่านายพรรษาจะย้อนกลับมาอีกตอนไหน

ส่วนชาวบ้านที่มาดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพของนายพรรษา ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สบายใจขึ้น ไม่ต้องหวงหน้าพะวงหลัง เพราะตั้งแต่เข้ามาที่หมู่บ้าน ก็ลักเล็กขโมยน้อย จนเป็นนิสัย เอาทุกอย่างที่ขายได้ จนชาวบ้านเอือมระอา ไม่รู้จะทำอย่างไร เข้าคุกไปก็แล้ว ยังออกมาเหมือนเดิม ครั้งนี้ออกมาหนักกว่าเดิมอีก ควรอยู่ไปยาวๆ ถ้านิสัยสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นยังไม่ทุเลา.