พี่สาวน้องมิลค์แชมป์โลกบินโดรนอาการดีขึ้น จากได้รับอุบัติเหตุจนตับฉีก สามารถกินข้าวมื้อแรกได้ ด้านน้องมิลค์กลับกรุงเทพฝึกซ้อมเตรียมแข่ง ตำรวจตรวจสอบที่เกิดเหตุเพิ่มเติม...
เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2562 ความคืบหน้ากรณี น้องมิลค์ ด.ญ. วรรรญา วรรณผ่อง แชมป์โลกหญิงบินโดรนที่อายุน้อยที่สุดในโลก ประสบอุบัติเหตุพร้อมกับครอบครัว ที่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา โดยน้องมิลค์บาดเจ็บศีรษะกระแทกเล็กน้อย ส่วนพี่สาว น.ส.วรรณวิศา ทับทิม ซึ่งนั่งอยู่ในแคปด้านหลังหลุดจากรถ ทำให้บาดเจ็บตับฉีก ระดับ 4 และคุณป้า นางรเวง วรรณผ่อง บาดเจ็บที่แขนขวา กระดูกบริเวณโคนนิ้วก้อยหัก ส่วนนายนพเก้า ทับทิม คุณลุง ที่เป็นคนขับบาดเจ็บเล็กน้อย โดยคุณลุงกับคุณป้าคาดเข็มขัดนิรภัยทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก ซึ่งทั้งหมดพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์นั้น
ล่าสุดวันนี้ นายแพทย์ศุภชัย ศุภพฤกษ์สกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ และทีมเจ้าหน้าที่ ได้เข้าเยี่ยมดูอาการของ น.ส.วรรณวิศา ทับทิม ที่พักรักษาตัวอยู่ที่ตึกศัลยกรรม โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ พบว่าอาการดีขึ้นตามลำดับ เลือดภายในตับหยุดไหล ให้เกล็ดเลือดเพิ่มเติมเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ โดยได้ทำทีซีสแกนแล้วพบว่าไม่อาการบาดเจ็บใดๆเพิ่มเติม และวันนี้คนป่วยสามารถกินข้าวได้เป็นมื้อแรก โดยภาพรวมถือว่าอาการบาดเจ็บดีขึ้นตามลำดับ และไม่ต้องทำการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการตับฉีก
...
ด้าน นายนพเก้า ทับทิม หรือ ลุงน้อย คุณลุงของน้องมิลค์ ซึ่งเป็นคนขับรถ กล่าวว่า น้องมิลค์และคุณพ่อเดินทางกลับกรุงเทพฯแล้ว เพื่อเตรียมฝึกซ้อมบินโดรน สำหรับเตรียมตัวไปแข่งขันรายการแรกที่ประเทศบูรไนปลายเดือนมกราคมนี้ แต่ทราบว่า น้องมิลค์จะกลับมาเยี่ยมพี่สาวอีกครั้ง
สำหรับในทางคดีนั้น เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตัวให้ไปชี้จุดเกิดเหตุอีกครั้ง โดยตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจหาจุดเกิดเหตุ จุดแรกที่คาดว่าจะถูกกระแทกหรือเฉี่ยวชนด้านท้ายรถ ก่อนที่รถจะเสียการทรงตัว รถหมุนหลายตลบและพุ่งไปไกลจนตกร่องกลางถนนเพชรเกษม พบว่าะระยะทางยาวถึง 400 เมตร เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจหาร่องรอยการถูกเฉี่ยวชนที่ตัวรถ พบรอยกระแทกที่ไฟท้าย ส่วนรถยนต์กระบะที่เกิดเหตุ ล่าสุดอยู่ที่อู่ซ่อมรถใน อ.บางสะพาน โดยยังไม่มีการประเมินมูลค่าความเสียหายของรถ เพราะอู่ยังไม่เปิดทำการแต่คาดว่าจะเสียหาย ต้องซ่อมรถ มากกว่า 1 แสนบาท ซึ่งตนและครอบครัวยังไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าซ่อมรถดังกล่าว แม้ว่ารถยนต์ของตนจะมีประกันภัยชั้น 3 ก็ตามที
ตนและครอบครัว คงต้องรอความหวังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบที่เกิดเหตุ เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.