ด.ช. 2 ขวบ ชาวเมียนมา หายในป่าอ้อยที่สุพรรณบุรี ผ่านไป 8 วัน ยังไร้ร่องรอย ผวจ.เตรียมสรุปสถานการณ์ใหม่ให้น้ำหนักประเด็น"พลัดหลง"น้อยลง ชี้หากถูกลักพาตัว เด็กอาจถูกปล่อยทิ้งไว้ที่ไหนสักแห่ง
บ่ายวันที่ 24 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี ด.ช.ซูลุยผิว อายุ 2 ขวบ ลูกของแรงงานชาวพม่าที่เดินหลงหายเข้าไปในป่าอ้อย หมู่ 9 ต.สระพังลาน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี แล้วหายตัวไปตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้เข้าสู่วันที่ 8 ของการหายตัวไปแล้ว ซึ่ง นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผวจ.สุพรรณบุรี ได้ระดมทุกสรรพกำลังค้นหาแบบไม่ลดละ
...
ที่ห้องประชุม สภ.สระยายโสม อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผวจ.สุพรรณบุรี ได้เป็นประธานในการสรุปผลการปฏิบัติที่ผ่านมาพร้อมกำหนดแนวทางในการมุ่งประเด็นของการหายตัวของเด็กต่อไป จากนั้น นายนิมิต แถลงว่า วันนี้เข้าสู่วันที่ 8 ของการหายตัวไปของเด็ก จึงได้มีการวิเคราะห์ประเด็นต่างๆ ประเด็นไหนต้องให้ความสำคัญน้อยลง และประเด็นไหนที่มีน้ำหนักมากขึ้น โดยประเด็นเด็กพลัดหลงที่ได้ค้นหากันมา 7 วันแล้วนั้น ทางฝ่ายค้นหายืนยันการออกเดินเท้าเข้าตรวจอย่างละเอียด และได้ขยายพื้นที่ในการค้นหาทุกวัน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบโดยทีมนักประดาน้ำมากกว่า 30 นาย ในบ่อน้ำ ซึ่งมีทั้งสิ้น 5 บ่อ เป็นจุดต้องสงสัยว่าเด็กอาจจะสูญหายจมไปในบ่อจนครบหมดแล้ว เบื้องต้นเชื่อว่าหากเด็กจมอยู่ในน้ำจะต้องเจอแล้ว อย่างไรก็ตาม ช่วงบ่ายจะมีการนำเอาอุปกรณ์โซน่า เข้ามาสแกนพื้นที่ในบ่อน้ำทั้ง 5 บ่ออีกครั้ง ก่อนที่ในวันพรุ่งนี้ (25 ธ.ค.) จะมาสรุปสถานการณ์กันใหม่ หากเชื่อว่าเด็กไม่ได้อยู่ในพื้นที่แล้ว จะได้ไปให้ความสำคัญกับประเด็นอื่นต่อไป
ในด้านการสืบสวนสอบสวน ประเด็นเด็กถูกลักพาตัว เนื่องจากมีพยานที่ให้ข้อมูลว่ามีคนมาจูงมือเด็กไป ได้มอบให้เป็นหน้าที่ของตำรวจและทหาร รวมถึงอยากขอความร่วมมือจากสื่อทุกแขนง และหน่วยงานต่างๆ ในการส่งตำหนิรูปพรรณของเด็ก เพื่อให้ผู้ได้พบเห็นแจ้งข้อมูลเข้ามา ถ้าให้น้ำหนักไปในเรื่องของการถูกลักพาตัว น่าจะเป็นกรณีลักไปเลี้ยงดู หรือนนำตัวทำอะไรบางอย่าง และการที่เจ้าหน้าที่เข้ามาค้นหาอย่างจริงจัง อาจทำให้คนที่เอาเด็กไปแอบเอาไปปล่อยทิ้งไว้ที่ไหนแล้วก็ได้
สำหรับในตอนนี้มีเพียงพยานเป็นเด็กอายุ 3 ขวบ การที่จะเอาข้อมูลจากเด็กคงต้องใช้เวลา เพราะเด็กพูดไทยไม่ได้ทำให้เอาข้อมูลมาได้ยาก ต้องใช้เวลาสร้างความคุ้นเคย และค่อยๆ ให้เด็กพูดในสิ่งที่เห็นออกมา
“ส่วนการหารือกันยังให้ความสำคัญทั้งหมดทุกประเด็น แต่ในประเด็นเด็กพลัดหลงจะให้น้ำหนักน้อยลง โดยหลังจากที่ได้ค้นหาโดยละเอียดแล้ว พอเชื่อได้ว่าเด็กไม่น่าจะอยู่ในพื้นที่ แต่เราก็ไม่ได้เชื่อ 100% ดังนั้นจึงต้องยังคงสืบค้นอยู่ เพราะในบริเวณนี้ยังมีไร่อ้อยที่ยังไม่ได้ตัดอยู่อีกเยอะ เพราะฉะนั้นก็ยังมีคนงานที่ทำงานอยู่แต่ยังไม่โอกาสที่จะพบเห็นเด็กได้ หากพบจะพบในลักษณะไหนก็ยังไม่ทราบ เพราะตอนนี้ 8 วันแล้ว ทุกฝ่ายก็ไม่สบายใจ”
ทางด้าน นายผิว กับ นางมอ สองสามีภรรยาแรงงานชาวพม่าที่เป็นพ่อแม่ของ ด.ช.ซูลุยผิว ที่ได้เฝ้าติดตามการค้นหาของเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด ขณะนี้อยู่ในสภาพที่อิดโรย และมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกันทั้งคู่ยังพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของตัวเอง และตามที่มีผู้มาแนะนำอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ออกไปจุดธูปเทียนบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางในไร่อ้อย เพื่อขอให้ได้พบลูกและขอให้ลูกยังมีชีวิตอยู่อีกครั้งอีกครั้ง
ทั้งคู่เปิดใจว่า แม้จะมีความเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่อีกส่วนหนึ่งต้องขอขอบคุณข้าราชการ มูลนิธิ อาสาสมัคร และประชาชนชาวไทยที่แสดงความมีน้ำใจที่ดีต่อตนและครอบครัว ที่เป็นชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก ทุกฝ่ายทำกันอย่างเต็มกำลังความสามารถ มีผู้คนเข้ามาช่วยอย่างมากมาย ทำให้ตนมีขวัญกำลังใจดีขึ้นเยอะ ที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ ตนคิดถึงลูกมาก อยากเจอลูกมากที่สุด
...
ล่าสุด ภายหลัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนจัดกำลังลงช่วยค้นหาเต็มพิกัด เพราะทีมค้นหายังคงให้ความสำคัญกับทุกประเด็นของการหายตัวไป ตชด.ได้นำเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ ออมากบินตรวจสอบพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเป็นวงกว้างหลายรอบ ส่วนภาคพื้นดิน พ.ต.อ.ทศพร ปทุมยา ผกก.ตชด. 13 ค่ายประพุทธยอดฟ้า สั่งการให้ ร.ต.อ.วิชัย ปัชชา รอง สว.(ป) กก.ตชด.13 นำสุนัขสะกดรอยพันธ์อัลเซเชียลชื่อ สุนัขตำรวจโทฟาซาล อายุ 7 ปี และสุนัขตำรวจพันธุ์ลาบราดอร์ ชื่อสุนัขตำรวจตรี ลิเซีย อายุ 6 ปี พร้อมกำลัง ตชด. 30 นาย เข้าสู่พื้นที่
ขณะเดียวกัน นพ.สาโรจน์ มะรุมดี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี สั่งการให้ พญ.สมพิศ จำปาเงิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอู่ทอง ร่วมกับศูนย์กู้ชีพโรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราชสุพรรณบุรี และโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 สองพี่น้อง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จัดตั้งโรงพยาบาลสนามขึ้น พร้อมจัดทีมแพทย์ พยาบาล ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาประจำการเพื่อให้การดูแลทีมค้นหาที่อาจเจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมหากพบตัวเด็กด้วย โดยมี พญ.รัตนา นิลเพชร์พลอย หัวหน้าฝ่ายอายุรกรรม รพ.อู่ทอง นำทีมแพทย์เข้าประจำการ
...
นอกจากนี้ ได้มีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งได้เสนอตัวที่จะส่งเครื่องมือสแกนโซน่าที่มีคุณภาพสูง สำหรับการค้นหาในน้ำเข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ ในการค้นหาทั่วทุกจุดด้วย