กองปราบปรามเข้าบุกค้นอู่รถยนต์ใน อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เป็นสถานที่ตัดต่อสวมซากรถยนต์ รวมทั้งอาจมีความเกี่ยวโยงกับขบวนการโจรกรรมรถยนต์รายใหญ่ พร้อมผู้ต้องหา 4 ราย...

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 5 ธ.ค.2561 ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.อนุชา ธนะอุดม, พ.ต.ท.อรรถพล พานประทีป, พ.ต.ท.สิงห์ชัย ฐานไชยสิทธิ์ รอง ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ สว.กก.3บก.ป ร.ต.อ.หญิง กัญจิรา นรสาร รองสว.กก.3บก.ป. สนธิกำลังศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ศปจร.ก.) นำหมายค้นเลขที่ 238 /2561 ลงวันที่ 3 ธ.ค. เข้าตรวจค้นอู่รถยนต์เลขที่ 3022 ต.บางหลวง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี หลังสืบทราบว่าเป็นสถานที่ตัดต่อสวมซากรถยนต์ รวมทั้งอาจมีความเกี่ยวโยงกับขบวนการโจรกรรมรถยนต์รายใหญ่

ที่เกิดเหตุเป็นอู่รถยนต์ขนาดใหญ่ มีรั้วรอบขอบชิด ชุดสืบสวนได้นำกำลังเข้าตรวจค้นพบ นายรุ่ง เศร้าภาษา อายุ 55 ปี  ชาวบ้าน หมู่ 2 ตำบลและอำเภอบางบัวทอง จ.นนทบุรี เจ้าของอู่รถยนต์ จากการตรวจค้น พบ นายอดิพงษ์ เศร้าภาษา อายุ 28 ปี ชาวบ้าน แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร ช่างสี นายสุวิทย์ ภูธนะวีระชาติ อายุ 47 ปี ชาวบ้าน หมู่ 2 ต.บางตาหงาย อ.บรรพต จ.นครสวรรค์ ช่างสี และ นายยุติธร ประสมจินดา อายุ 52 ปี ชาวบ้าน หมู่ 1 ตำบลและอำเภอบางบัวทอง จ.นนทบุรี ช่างเคาะ ตัดเชื่อม ทั้งหมดกำลังชำแหละรถยนต์สองคัน จึงได้ขอตรวจสอบ พบว่ารถทั้งสองคันเป็นรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ส สีขาว ทะเบียน กล 5206 พิษณุโลก มีร่องรอยการตัดหมายเลขตัวถังรถยนต์ออกไป และรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า 2 สีขาว ทะเบียน กจ 6690 หนองคาย พบรอยตัดหมายเลขตัวถังรถออกที่บริเวณที่นั่งคนขับ จึงได้ยึดของกลางทั้งหมดไว้ พร้อมคุมตัวเจ้าของอู่และผู้ที่เกี่ยวข้องไปสอบสวน

...

พ.ต.อ.บุญลือ กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นอู่รถยนต์ดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อกลางดึกของวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มคนร้ายติดต่อเช่ารถเก๋ง รุ่นแจ๊ส สีส้ม ทะเบียน 8กข 3580 กรุงเทพมหานคร ของ น.ส.วาสนา พวงสุวรรณ อายุ 38 ปี ผู้เสียหาย ภายในปั๊มน้ำมันบางจาก ถ.พระราม 3 แขวงและเขตบางคอแหลม หลังจากเช่ารถไปแล้วได้ขาดการติดต่อไป ต่อมาผู้เสียหายไปพบว่ารถยนต์ที่หายไปปรากฏอยู่ที่เต็นท์รถยนต์แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บริเวณถนนทางหลวงชนบทสมุทรสาคร ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร จึงได้มาแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่กองปราบปรามให้เข้าไปตรวจสอบ

เบื้องต้น พบว่ารถคันดังกล่าวถูกสวมทะเบียนรถเป็นทะเบียน กค 5797 กรุงเทพมหานคร จึงได้ตรวจสอบพบว่าการได้มาของตัวรถไม่ถูกต้อง เอกสารไม่ตรงกับทะเบียนรถที่ระบุ อีกทั้งได้ประสานเจ้าของทะเบียนตัวจริง ทราบว่ารถยนต์ทะเบียน กค 5797 กรุงเทพมานคร ได้ประสบอุบัติเหตุ จากนั้นได้ขยายผลต่อจนทราบว่ารถคันดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับอู่รถยนต์ที่ จ.ปทุมธานี จึงได้ขออำนาจศาลออกหมายค้น เพื่อหาพยานหลักฐานและผู้ที่เกี่ยวข้อง

ผกก.3 บก.ป. กล่าวต่อว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดซากรถยนต์ 2 คัน พร้อมทะเบียนและเครื่องยนต์ไว้ เพื่อนำส่งกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบและดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป อย่างไรก็ดี อยากจะฝากเตือนประชาชนที่มีความต้องการในการซื้อรถยนต์ ทั้งจากเต็นท์รถมือสอง หรือทางอินเทอร์เน็ต จะต้องมีการตรวจสอบตัวรถจริง โดยเฉพาะเลขตัวรถ เลขเครื่องยนต์ ว่ามีการดัดแปลงขูดลบแก้ไขหรือไม่ พร้อมทั้งนำไปตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนเบื้องต้นกับกรมขนส่งทางบกด้วยว่าตรงกันหรือไม่ ก่อนจะตกลงซื้อขายกัน ซึ่งอยากให้ประชาชนตระหนักถึงความน่าจะเป็นว่า ของดี ของถูก ไม่มีในโลก

ทั้งนี้ มีรายงานว่าตำรวจกองปราบปราม และ ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ใช้เวลาในการแกะรอยขบวนการดังกล่าวเป็นเวลากว่า 2 เดือน จากแนวทางการสืบสวนพบว่า มีการกระทำในลักษณะเป็นขบวนการ แบ่งงานกันทำ กลุ่มแรกจะออกอุบายหลอกเหยื่อโดยขอเช่ารถยนต์ จากนั้นจะนำไปขายให้กับกลุ่มที่สอง อู่ซ่อมรถยนต์ โดยกลุ่มนี้จะนำรถยนต์ที่ได้จากการโจรกรรมไปสวมกับซากรถยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุ แต่ละเดือนสามารถดัดแปลงได้มากกว่า 20 คัน จากนั้นจะนำไปขายต่อให้กับกลุ่มที่ 3 เต็นท์รถยนต์มือสอง หรือประชาชนที่สนใจ หรือกลุ่มลูกค้าที่สมัครใจซื้อรถยนต์ที่ผ่านการสวมซากมาแล้ว เนื่องจากมีราคาต่ำกว่าท้องตลาด.