ผู้การเมืองกาญจน์ หอบสำนวนคดีปลัดหมีขอ ที่อช.ไทรโยคจำนวน 1,365 หน้า ส่งมอบให้กับอัยการจังหวัดกาญจนบุรี รับเร่งพิจารณา ย้ำยึดหลักกฎหมาย และให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย...

ความคืบหน้ากรณี นายพนัชกร โพธิบัณฑิต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค นางสาวเนตรนภา งามเนตร ผู้ช่วยหัวหน้า อช.ไทรโยค และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติไทรโยคร่วมกันจับกุม นายวัชรชัย สมีรักษ์ หรือ ปลัดแมน ปลัดฝ่ายป้องกันอำเภอด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี พร้อมพวก รวม 13 คน ในคดีล่าหมีขอ ที่บริเวณป่าเขาพลู หมู่ 8 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 ราย คือนายเจนระ หรือ จีระ ชาวพม่าอยู่ระหว่างการหลบหนีหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งการจับกุมคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา ต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ได้ลงพื้นที่ติดตามคดีด้วยตนเอง รวมทั้งตั้งคณะทำงานทีมพนักงานสอบสวนชุดเดียวกันกับการทำคดีล่าเสือดำ โดยกำชับให้พนักงานสอบสวน ชุดดังกล่าว รวบรวมสำนวนคดีปลัดหมีขอ ส่งให้อัยการจังหวัดกาญจนบุรี ภายใน 4 ผลัด ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 ธ.ค.61 ที่ห้องประชุมสำนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรี ถ.แม่กลอง ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พล.ต.ต.สุวิทย์ ชาวศรีทอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.พูนศักดิ์ ประเสริฐเมธ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี นำพนักงานสอบสวนคดีหมีขอ ประกอบด้วย พ.ต.อ.ชาตรี ศรีบุญ พ.ต.อ.พิพัฒน์ รุ่งสัมพันธ์ พ.ต.อ.สมศักดิ์ สุวรรณฉิม พ.ต.อ.บุญรัตน์ เพลินคู่ธรรม พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ ไชยภูมิสกุล ผกก.(สอบสวน) ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ธานี. สงวนจีน. ผกก.ไทรโยค, พ.ต.ท.เชาวฤทธิ์ อินทกรอุดม รองผกก.(สอบสวน) สภ.ไทรโยค นำแฟ้มสำนวนคดีหมีขอ จำนวน 4 แฟ้ม รวม 1,365 แผ่น ส่งมอบให้กับนายทนง ตะภา อัยการจังหวัดกาญจนบุรี โดยครั้งนี้นายสมโภชน์ ลิ้มตระกูล อธิบดีอัยการ ภาค 7 นายสุวิช ชูตระกูล รองอธิบดีอัยการ ภาค 7 นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมรับมอบสำนวนและร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนด้วย

...

ทั้งนี้ นายสมโภชน์ ลิ้มตระกูล อธิบดีอัยการภาค 7 เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการส่งมอบและรับมอบสำนวนคดีซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ และถือว่าเป็นคดีสำคัญ ทางอธิบดีอัยการภาค 7 ก็ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง คณะทำงานขึ้นมาเพื่อทำการพิจารณาสั่งคดี โดยมีท่านสุวิช ชูตระกูล รองอธิบดีอัยการ ภาค 7 เป็นหัวหน้าคณะทำงาน มีท่านนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นคณะทำงาน ในการสั่งคดีเราจะยึดกฎหมาย และนโยบายของท่านอัยการสูงสุด คือจะต้องให้ความเป็นธรรม แก่ทุกฝ่าย แล้วจะต้องอ่านสำนวนให้รวดเร็วและรอบคอบ

หากสำนวนไม่มีปัญหา ผมมีนโยบาย ให้สั่งสำนวนให้เสร็จสิ้นภายใน 5 วัน แต่ถ้าหากว่าสำนวนมีข้อบกพร่อง ที่จะต้องสั่งสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นสำคัญ ผมมีนโยบายที่จะเร่งรัดพนักงานสอบสวนให้ส่งสำนวนการสอบสวนเพิ่มเติมเข้ามาภายใน 5 วัน หรือทุกๆ 5 วัน และจะให้คณะทำงานพิจารณาสั่งคดีให้เสร็จโดยเร็ว และจะให้เสร็จภายใน 9 วัน

ด้านพลตำรวจตรี สุวิทย์ ชาวศรีทอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี กล่าวว่าในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับผิดชอบคดีนี้ตั้งแต่ประมาณต้นเดือนตุลาคม จนถึงปัจจุบันนี้เราได้รวบรวมพยานหลักฐาน พยานบุคคล พยานวัตถุ รวมทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยพนักงานสอบสวนซึ่งตำรวจภูธรภาค 7 ได้ตั้งเป็นคณะพนักงานสอบสวนสืบสวนขึ้นมา ใช้ระยะเวลาในการสอบสวนประมาณ 55 วัน ผู้ต้องหามีทั้งหมดทั้งสิ้น 14 คน เราสามารถจับกุมได้แล้ว 13 คน และมีการออกหมายจับ 1 คน โดยกฎหมายเกี่ยวข้องหลายฉบับ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายของกรมอุทยานฯ กฎหมายกรมป่าไม้ กฎหมายอาญา พระราชบัญญัติอาวุธปืน และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ส่วนเอกสารที่เรารวบรวมมามีทั้งหมด 4 แฟ้ม 1,365 แผ่น ซึ่งเรามั่นใจมากว่า สำนวนมีความสมบูรณ์เต็มที่

สำหรับนายจีระ ผู้ต้องหา ตามหมายจับที่เหลืออีก 1 คน เราได้ประสานเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองทุกด่านรวมถึง สถานีตำรวจภูธร พื้นที่ที่อยู่ตามแนวชายแดนให้รับทราบ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็กำลังพยายามติดตามจับกุมอยู่ ส่วนผู้ต้องหาจะหลบหนีออกไปนอกประเทศหรือไม่ขณะนี้เรายังไม่สามารถยืนยันได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 14 คน ประกอบด้วย ผู้ต้องหาที่ (1) คือ นางสาวศรีวิจิตร ดิษฐ์แช่ม ผู้ต้องหาที่ (2) นายทัศดนัย ขอกระโชก ผู้ต้องหาที่ (3) นายฉัตรชัย เกาะลอย ผู้ต้องหาที่ (4) นายจิรชัย ตันติวัฒนสิทธิ์ ผู้ต้องหาที่ (5) ว่าที่ ร.ต. สุนทร มาเจริญรุ่งเรือง ผู้ต้องหาที่ (6) นายสกานต์ แก่งหลวง ผู้ต้องหาที่ (7) นายอนุสรณ์ เรือนงาม ผู้ต้องหาที่ (8) นายประสาน เต็มธนัน ผู้ต้องหาที่ (9) นางอรุณ แสงใส ผู้ต้องหาที่ (10)นายถาวร เซี่ยงหลิว ผู้ต้องหาที่ (11) นายวัชรชัย สมีรักษ์ ผู้ต้องหาที่ (12) นายสมเกียรติ เพ็งนาเรนทร์ ผู้ต้องหาที่ (13)นายตาต้า ชาวกะเหรี่ยง และ ผู้ต้องหาที่ (14)นายจีระ หรือเจนระ ชาวกะเหรี่ยงที่อยู่ระหว่างการหลบหนีหมายจับ

...

โดยพนักงานสอบสวน มีความเห็นส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 14 คน รวม 17 ข้อหา คือ


1. ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-14 ฐาน ร่วมกันเก็บหานำออกไปทำด้วยประการใดๆให้เป็นอันตรายหรือเสื่อมสภาพฯ
2.ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-14 ฐานความผิดร่วมกันนำสัตว์ออกไปหรือกระทำด้วยประการใดๆให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ 
3.ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-12 ฐานความผิด “ร่วมกันนำยานพาหนะเข้าออก หรือขับขี่ยานพาหนะในทางที่มิได้จัดไว้เพื่อเป็นการนั้นฯ 
4. ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-14 ฐานความผิด “ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆเข้าไปในเขตอุทยาน”
5.ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-14 ฐานความผิด “ร่วมกันล่าหรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์คุ้มครอง 
6. ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-14 ฐานความผิด “ร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวนสัตว์ป่าคุ้มครอง ซากของสัตว์ป่าสงวน” 
7. ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-14 ฐานความผิด “ร่วมกันซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ด้วยประการใดๆซึ่งสัตว์ป่าหรือซากฯ 
8.ร่วมกันเก็บหาของป่าหรือกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าฯ 
9.ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-12 ฐานความผิด “ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” 
10. ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-14 ฐานความผิด “ร่วมกันพาอาวุธปืน ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต”
11. ฟ้องผู้ต้องหา ที่ 7.ฐานความผิด “ร่วมกันมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้” 
12.ฟ้องผู้ต้องหาที่ 6-7-13-14 ฐานความผิด “มีอาวุธปืนที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตไม่ได้”
13. ฟ้องผู้ต้องหา 1-2-3-6-7-8-11-13-14 ฐานความผิด “ยิงปืนในเขตอุทยานแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” 
14.ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-14 ฐานความผิด “ยิงสัตว์ป่าในเวลาอาทิตย์ตกและพระอาทิตย์ขึ้น” 
15. ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-14 ฐานความผิด “ล่าสัตว์ป่าคุ้มครองในบริเวณวัด” 
16. ฟ้องผู้ต้องหาที่ 3-4-5-6-7-10-11-13-14 ฐานความผิด “บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณวัด”
และข้อหาที่

...

17.ฟ้องผู้ต้องหาที่ 7 ฐานความผิด “มีเครื่องยุทธภัณฑ์ไว้ในความ ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ.