แม่ยังคาใจ ลูกสาวกินกุ้งเต้นเกิดแพ้ ไปหาหมอ รพ. แง้มห้องดู ยังเห็นนอนเล่นมือถือ แต่เพียง 5 นาที แพทย์ พยาบาลวิ่งกันวุ่นเข็นเข้าห้องไอซียู ก่อนจะเสียชีวิตด้วยอาการความดันโลหิต-หัวใจล้มเหลว ไปร้องเรียนหลายหน่วย แต่เงียบหมด  

วันที่ 23 พ.ย. 61 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางบุญยืน จันทร์เจิม อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/1 ม.7 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ว่า น.ส.วิภาพร จันทร์เจิม หรือ “ปูเป้” อายุ 25 ปี บุตรสาวตนได้รับประทานกุ้งเต้นแล้วเกิดอาการแพ้จนปากบวม ก่อนญาติจะพาไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง แพทย์ได้ฉีดยาไปจำนวน 3 เข็ม จากนั้นในระยะเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ลูกสาวก็เสียชีวิตโดยก่อนหน้าที่จะเดินทางไปก็ยังมีอาการทุกอย่างปกติ มีเพียงอาการปากบวม หลังจากลูกสาวเสียชีวิตตนเองได้ไปร้องเรียนตามหน่วยงานต่างๆ แต่เรื่องกลับเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตนจึงร้องเรียนกับสื่อมวลชน เพื่อต้องการให้ส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือและขอความเป็นธรรม

นางบุญยืน จันทร์เจิม มารดาผู้เสียชีวิต กล่าวเปิดเผยอย่างละเอียดว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 ส.ค.61 ที่ผ่านมา ลูกสาวตนได้ไปซื้อยำกุ้งเต้นที่ตลาดนัดแห่งหนึ่งมารับประทาน จนกระทั่งพอตกกลางคืนในวันเดียวกัน ลูกสาวมีอาการแพ้ ริมฝีปากบวม หายใจติดขัด อาเจียน ตนจึงหายาแก้แพ้มาให้ทานจนอาการดีขึ้น ต่อมาในวันรุ่งขึ้น (18 ส.ค.) ตนเห็นว่าริมฝีปากลูกสาวยังไม่หายบวม ตนจึงบอกลูกสาวว่าไปหาหมอที่ รพ. จะดีกว่า จากนั้นลูกสาวก็ขับรถจักรยานยนต์ โดยตนซ้อนท้ายพร้อมกับหลานสาวมาที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งย่านรังสิต และเมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้วัดความดันพร้อมกับนำเข้าห้องเพื่อรอฉีดยา และจะต้องนอนรอดูอาการอีกด้วย 

ต่อมา ตนนั่งรอที่หน้าห้องสักพักใหญ่ ก็ไม่เห็นมีใครมาแจ้งว่าอาการลูกตนเป็นอย่างไร ตนจึงเปิดประตูไปดูก็เห็นว่าลูกสาวตนยังนอนบนเตียงคนไข้ และเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ แต่ยังไม่ได้ฉีดยา หลังจากนั้นก็มีแพทย์มาบอกว่า จากการตรวจเช็กสิทธิ์ประกันสังคมแล้วพบว่าลูกสาวตนไม่ได้มีสิทธิ์การรักษาที่ รพ.แห่งนี้ โดยคนไข้จะต้องสำรองจ่ายค่ารักษาก่อน ตนจึงตอบตกลง จากนั้นเจ้าหน้าที่ให้ญาติอออกมานั่งรอด้านนอก หลังจากเวลาผ่านไปประมาณ 5 นาที ตนเห็นทั้งแพทย์และพยาบาลเข็นเครื่องช่วยหายใจเข้าไปในห้องที่ลูกสาวตนอยู่ โดยตนไม่คิดว่าจะนำมาใช้กับลูกสาวตน ต่อมาเห็นลูกสาวตนมีอาการดิ้นทุรนทุราย ก่อนจะช็อกและหมดสติ แล้วเจ้าหน้าที่รีบเข็นไปห้องไอซียู ซึ่งตนไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

...

จากนั้นได้มีแพทย์มาเรียกตนไปพูดคุย พร้อมกับแจ้งว่าลูกสาวตนมีภาวะหัวใจโต น้ำท่วมปอด และหัวใจล้มเหลว ซึ่งหมอฉีดยาไปแล้ว 2 เข็ม ส่วนเข็มที่ 3 คือเป็นยากระตุ้นหัวใจ เพราะผู้ป่วยความดันต่ำ โดยลูกสาวตนได้เสียชีวิตในเวลาต่อมาเมื่อเวลา 06.30 น. ของวันที่ 19 ส.ค. 61 ซึ่งตนและญาติรับไม่ได้ เพราะลูกสาวไม่ได้มีอาการล้มหมอนนอนเสื่อ หรือเจ็บป่วยอย่างหนักถึงขั้นที่จะต้องมาเสียชีวิตอย่างง่ายๆ ขนาดนี้ 

"หลังจากที่ลูกสาวเสียชีวิต ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบและได้ส่งตัวไปผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โดยแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่า ระบบไหลเวียนโลหิตและระบบหายใจล้มเหลว จึงไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพราะติดใจการเสียชีวิตของลูกสาว ประกอบกับได้ไปร้องเรียนตามหน่วยงานต่างๆ ทั้ง มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กระทรวงสาธารณสุข สาธารณสุข จ.ปทุมธานี ศูนย์ดำรงธรรม จ.ปทุมธานี แต่ทุกอย่างก็เงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย"

ผู้เป็นแม่ กล่าวอีกว่า หลังจากลูกสาวเสียชีวิต ตนเองต้องรับภาระเรื่องในบ้าน เพราะลูกสาวทำหน้าที่เหมือนหัวหน้าครอบครัว หาเงินมาจุนเจือครองครัวและเลี้ยงลูกสาววัย 5 ขวบที่กำลังเติบโต หลานร้องถามหาแม่ทุกวัน ว่าแม่หนูไปไหนทำไมไม่กลับมา ซึ่งตนอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ และผู้ที่มีความรู้ช่วยดำเนินการทำทุกอย่างให้เกิดความชัดเจนและให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวตนด้วย จึงต้องมาพึ่งสื่อมวลชนให้ช่วยเป็นสื่อกลางในเรื่องนี้.