ชายหนุ่มวัย 21 ปี ขับรถจักรยานยนต์ชนท้ายรถบรรทุกในจังหวัดสมุทรสาคร จนคอของเขาถูกแผ่นเหล็กที่ยื่นออกมาตัดขาด...

เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 ร.ต.อ.พงษ์พิพัฒน์ ลิขิตโยธิน รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งชนท้ายรถบรรทุกพ่วง จนมีผู้เสียชีวิต 1 ราย บริเวณหน้าปั๊มแก๊ส LPG ช่องทางคู่ขนาน ก่อนขึ้นสะพานข้ามทางรถไฟคอกกระบือ ขาเข้ากรุงเทพฯ ต.คอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร

เมื่อถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ก็ต้องพบกับภาพสุดสยองของผู้เสียชีวิต เพราะลำคอถูกตัดขาด สภาพผู้ตายนุ่งกางเกงขายาว คาดเข็มขัด สวมเสื้อแจ็กเกตสีดำคลุมทับเสื้อยืดสีขาวพร้อมกับรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า สีฟ้าขาว หมายเลขทะเบียน 3 กธ 6187 กรุงเทพมหานคร ที่สภาพพังยับเยินทั้งคันจนจำรุ่นไม่ได้ ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาคือนาย ยศภัทร ทองอยู่ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/1206 หมู่ที่ 6 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร


นอกจากนี้ใกล้กัน ยังพบรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ ของบริษัท ศิริไพบูลย์พัฒนาการ หมายเลขทะเบียนด้านหน้า 80 – 7409 สมุทรสงคราม ทะเบียนตัวพ่วง 80 – 7411 สมุทรสงคราม ซึ่งใช้บรรทุกหินคลุกจอดอยู่ริมถนน โดยมีนายผดุงศักดิ์ ช้างเพชร อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70 หมู่ที่ 5 ต.ห้วยยางโทน อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เป็นคนขับยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่จากการตรวจสอบสภาพด้านท้ายของรถบรรทุกพ่วงด้านท้าย พบรอยเลือดเปรอะเปื้อนบนขอบแผ่นเหล็กที่ยื่นออกมาจากด้านท้ายเพื่อใช้ในการรองรับฝากระบะที่ปล่อยลงมาขณะที่ทำการดัมพ์หินคลุก

...


จากการสอบสวนนายผดุงศักดิ์ ช้างเพชร คนขับรถบรรทุกพ่วง ให้การในเบื้องต้นว่า ตนเองนำหินคลุกมาลงที่แท็งก์งาน ในซอยที่ห่างจากจุดเกิดเหตุไปเล็กน้อย พอลงหินคลุกเสร็จแล้วก็ขับรถออกมาจอดริมถนนเพื่อพักรถก่อนที่จะขับกลับไปยังบริษัทฯ โดยได้มีการเปิดไฟส่งสัญญาณเตือน จากนั้นสักพักก็ได้ยินเสียงคล้ายกับมีวัตถุบางอย่างมาชนด้านท้าย แต่ตนนึกว่ายางระเบิด จึงได้ลองขยับรถเดินหน้าเล็กน้อยก็เป็นปกติดี แล้วก็ลงจากรถมาดูทำให้เห็นว่ามีรถจักรยานยนต์พุ่งมาชนท้ายรถจนมีผู้เสียชีวิตดังกล่าว จึงได้รีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ


ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาครนำศพผู้เสียชีวิตนำส่งไปชันสูตร และในส่วนของคนขับรถบรรทุกพ่วง ก็ได้นำไปสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป