ผู้ปกครองโร่แจ้งความ ร้องความเป็นธรรม ว่าลูกสาววัย 4 ปี ถูกเด็กชายวัย 13 ซึ่งเป็นญาติกัน ล่วงละเมิดทางเพศ เบื้องต้น จนท.รับแจ้งความ รอผลตรวจร่างกาย พร้อมเรียกสอบปากคำ เพื่อหาข้อเท็จจริงตามขั้นตอนกฎหมาย
เมื่อวันที่ 3 พ.ย.61 เด็กหญิงวัย 4 ปี ถูกเด็กชายวัย 13 ปี ล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งทั้งคู่เป็นญาติกัน เบื้องต้นทางแม่ได้เข้าแจ้งความ ที่ สภ.บางจักร เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม หลังลูกสาวอายุ 4 ปี ถูกล่วงละเมิดทางเพศ
โดยเหตุดังกล่าว เกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.บางจัก อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ซึ่งเป็นบ้านที่เด็กหญิงเอ(นามสมมติ) วัย 4 ขวบพักอาศัยอยู่ ทางครอบครัวก็รู้สึกกังวลและเป็นห่วงสภาพจิตใจของเด็กหญิงเออย่างมาก ซึ่งอยู่ในอาการซึมเศร้า ไม่กล้าสบตาและหวาดระแวงผู้คน โดยเฉพาะกับผู้ชาย ซึ่งผู้เป็นย่าต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา โดยเด็กหญิงเอ สามารถเล่าเหตุการณ์ดังกล่าวในวันเกิดเหตุตามประสาเด็ก ว่า ถูก เด็กชายบี (นามสมมติ) นำอวัยวะเพศออกมาและทิ่มแทงอวัยวะเพศของตน อีกทั้งมีการกอดจูบ เมื่อตนรู้สึกเจ็บจึงส่งเสียงร้อง ก็ถูกเด็กชายบี พูดจาข่มขู่ว่าไม่ให้บอกแม่เดี๋ยวแม่ตี พร้อมกับชี้จุดเกิดเหตุซึ่งเป็นห้องนอนบนบ้าน
ด้านผู้เป็นแม่ของเด็กหญิงเอ อายุ 27 ปี เปิดเผยว่า ตนเองมีอาชีพเลี้ยงเป็ดไร่ทุ่ง เมื่อวันที่ 28 ต.ค.61 เวลาประมาณ 16.00 น.พ่อของเด็กหญิงเอ สามีตนได้เดินขึ้นไปบนบ้านและไปที่ห้องนอน พบเด็กชายบีและลูกสาวตนอยู่ด้วยกัน โดยกางเกงของลูกสาวถูกถอดออก และเด็กชายบีนั่งใช้มือเขี่ยอวัยวะเพศของลูกสาว เมื่อเด็กชายบีเห็นก็ตกใจและวิ่งหนีไป โดยในตอนแรกสามีก็เก็บเรื่องนี้ไว้ไม่ยอมบอกใคร แต่ลูกสาวได้มาเล่าให้ตนฟังว่า เด็กชายบีมากอดจูบและจับอวัยวะเพศ ตนจึงสอบถามว่าทำมากี่ครั้งแล้ว ลูกสาวบอกว่า 4 ครั้ง โดยทุกครั้งอยู่ภายในบริเวณบ้าน มีห้องน้ำย่า ห้องอา ห้องครัวย่า ห้องแม่ จากนั้นตนก็จะบอกสามี แต่พอเอ่ยสามีก็ตอบกลับมาว่า รู้เรื่องแล้วและเล่าว่าไปพบเห็นอะไรมาบ้าง
...
จากนั้นครอบครัวตนได้ปรึกษากัน เพื่อเข้าไปพบครอบครัวเด็กชายบี เด็กชายบีเกิดอาการกลัวจนตัวสั่น เพราะรู้ตัวว่ามีความผิด ตนจึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ผู้ปกครองของเด็กชายบีฟัง ซึ่งในตอนแรกก็ได้มีการเรียกเด็กชายบีมาว่ากล่าวตักเตือน เด็กชายบีตอบกลับมาว่า "น้องชวนผม น้องไม่ยอมเลิก" ผู้ปกครองเด็กชายบีได้ตีเด็กชายบีเพื่อเป็นการลงโทษเด็กชายบี และให้กราบขอโทษครอบครัวตน จากนั้นตนและครอบครัวจึงกลับออกมา ภายหลังตนและครอบครัวก็ไม่ได้รับการติดต่อ หรือแสดงความรับผิดชอบอะไรเลย จากทางครอบครัวเด็กชายบี แต่กลับได้รับคำพูดจากครอบครัวเด็กชายบีว่า เรื่องมันเกิดมาถึง 4 ครั้งแล้ว ก็ให้เงียบๆไป จะให้เด็กมันมีปมทำไม และทิ้งท้ายด้วยคำพูดท้าทายว่า "จะแจ้งความก็แจ้ง" ดังนั้นตนจึงปรึกษากับครอบครัว และเดินทางเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมาย
เบื้องต้นผู้ปกครองของเด็กหญิงเอ ได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ไพฑูรย์ ประทุม รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางจัก อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง แล้ว เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา และมีการสอบปากคำในเบื้องต้น พร้อมนำเด็กหญิงเอตรวจร่างกาย ซึ่งขณะนี้รอผลตรวจร่างกาย พร้อมกับจะมีการสอบปากคำ โดยในการสอบต้องมีนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์และพนักงานอัยการ เข้าร่วมในการสอบเพื่อหาข้อเท็จจริง และหาความเป็นธรรมตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป