ชุดหน่วยปราบปรามพิเศษ ตร.นครปฐม เช้าชาร์จปลดอาวุธ คุณตาวัย 70 ปีป่วยทางจิตขับรถพกปืนมาจอดในปั๊มน้ำมัน ไม่ยอมลงญาติกลัวเครียดมาดจนคลั่งยิงคน สุดท้ายรอจนเพลียหลับก่อนพาออกจากรถส่งโรงพยาบาล...

เมื่อวันที่ 26 ต.ค.61 ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองนครปฐม ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบรถยนต์เก๋งแคมรี่ สีบรอนซ์เทา ทะเบียน วม-3245 กทม.จอดคล่อมแท่งขอบปูนทางเข้าปั้มน้ำมัน ปตท.สาขาสระกระเทียม ริมถนนเพชรเกษม ขาเข้าเมืองนครปฐม หมู่ 2 ต.สระกระเทียม อ.เมืองนครปฐม ภายในรถยังมีชายสูงวัยนั่งอยู่โดยมีอาวุธปืนวางอยู่ข้างมือซ้าย น่าจะมีปัญหาขอให้ร้อยเวรมาทำการตรวจสอบด้วย

หลังรับแจ้งแล้วได้รายงานให้ พล.ต.ต.คำรณ บุญเลิศ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ปรีดา อิ่มเจริญ รอง ผบก. พ.ต.ท.สมชาติ ขันบุรี รอง ผกก.ป. สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ต.ชัยญา ใสจันทึก สวป.พร้อมกำลังชุดสายตรวจ และชุดสืบสวน สภ.เมืองนครปฐม เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋งคันดังกล่าวจอดคาคร่อมแท่งปูนทางเข้าปั้มน้ำมัน ยางหน้าซ้ายแตก กระจกรถติดฟิล์มดำสนิท เปิดหน้าต่างช่องด้านหลังคนขับครึ่งบาน ภายในพบชายสูงอายุนั่งอยู่ที่เบาะคนขับ

...

จากการสอบถามพนักงานปั้มน้ำมันทราบว่า รถคันดังกล่าวขับมาจอดตั้งแต่ 04.00 น.โดยทุกคนเข้าใจว่ารถเสียแต่ไม่เห็นคน จนกระทั่งตอนสายเห็นจอดนานผิดสังเกตุ จึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็เห็นชายสูงอายุนั่งอยู่ที่คนขับเมื่อมองเข้าไปในรถพบว่ามีอาวุธปืนพกสั้นวางอยู่ข้างมือ เห็นท่าไม่ดีเลยเดินออกห่างและโทรแจ้งตำรวจจากนั้นได้ตรวจสอบทะเบียนรถเก๋งแคมรี่ วม-3245 กทม.ที่จอดอยู่ทราบว่าเป็นของนายบุญยิ่ง วัสะภาคย์ อายุ 70 ปี ชาวบ้าน ซอยจรัลสนิทวงศ์ 69 บางพลัด กทม.จึงตรวจสอบจากทะเบียนบ้าน ทราบว่ามีภรรยาชื่อนางสุภารัตน์ วัสะภาคย์ อายุ 68 ปี จึงติดต่อให้เดินทางมาตรวจสอบ ซึ่งได้รับข้อมูลจากนางสุภารัตน์ ภรรยาว่านายบุญยิ่ง สามีมีปัญหาทางจิต อดีตเป็นข้าราชการบำนาญ ชอบพกอาวุธปืนติดตัว ตร.จึงได้เชิญตัวนางสุภารัตน์ และนายเจนวิทย์ เดินทางมาตรวจสอบและช่วยเจรจา

จนกระทั่งเวลา 12.00 น.นางสุภารัตน์ ได้เดินทางมาถึงโดย ตร.ได้เชิญตัวเข้าสอบถามเพื่อขอทราบข้อมูลต่างๆ โดยนางสุภารัตน์ให้ข้อมูลกับตำรวจว่า ตนเองมาเยี่ยมญาติที่ อ.บ้านโป่ง ซึ่งคาดว่านายบุญยิ่งสามีน่าจะตามหา เพราะตอนออกมาไม่ได้บอกว่าไปไหน ประกอบกับนายบุญยิ่งสามีหลังจากเกษียณอายุราชการมา จิตไม่ปกติ คนเองและลูกพยายามพาไปหาแพทย์รักษา หลายครั้งและให้ทานยาเรื่อยมา แต่นายบุญยิ่งไม่ต่อยทานยาและมีอาการกำเริบบ่อยครั้ง แถมพูดจาข่มขู่คนและลูกหากพาไปหาหมออีกจะใช้ปืนยิงให้ตายทั้งคู่ ทำให้ไม่กล้าพาสามีไปหาหมอและก็ไม่ยอมทานยา และสามีไม่ค่อยชอบตำรวจ เพราะเคยไปแจ้งเมื่อมีอาการกำเริบ กลัวว่าเห็นตำรวจแล้วอาจจะเอาปืนออกมายิงได้ และตนเองกับบุตรชายก็ไม่กล้าเข้าเจรจาเพราะกลัวสามีที่เคยขู่ไว้ 

จากนั้น พล.ต.ต.คำรณ บุญเลิศ ผบก.ได้เรียกประชุมโดยให้เรียกชุดหน่วยปราบปรามพิเศษ (นปพ.)ภ.จว.นครปฐม พร้อมอุปกรณ์การป้องกันเดินทางมาที่เกิดเหตุ มอบหมายให้ พ.ต.อ.ปรีดา อิ่มเจริญ รอง ผบก.เป็นหัวหน้าชุดทำงานสั่งการ โดยใช้ร้านกาแฟอเมซอน เป็นที่วางแผน โดยไม่ให้ตำรวจแต่งเครื่องแบบเข้าไปใกล้ชิดและให้รถที่เข้าเติมน้ำมันในปั้มห้ามจอดรถใกล้ และคอยดูเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเวลา 14.30 น.ท่ามกลางอากาศที่ร้อน แต่นายบุญยิ่งก็ไม่มีทีท่าว่าจะออกมาจากรถ เพื่อมาหาน้ำดื่มหรือทานอาหาร จึงตัดสินใจให้ชุด นปพ.นำโล่ป้องกันตัวบุกเข้าชาร์จ เพราะกลัวว่านายบุญยิ่ง เจออากาศร้อนและมีอาการทางจิตกลัวว่าจะก่อเหตุยิงตัวเอง หรือยิงสาดออกมานอกรถเพราะความเครียด

พ.ต.อ.ปรีดา อิ่มเจริญ รอง ผบก.จึงนำกำลัง นปพ.บุกเข้าชาร์จ ปรากฏว่านายบุญยิ่ง อยู่ในอาการนอนหลับคาเบาะคนขับ เพราะอาการอ่อนเพลียและไม่ได้นอนมาทั้งคืน ตร.จึงควบคุมตัวออกมาจากรถพร้อมกะบยึดอาวุธปืนลูกโม่ กล็อกโครเมี่ยม บรรจุกระสุน 6 นัด ที่วางอยู่ข้างกายและมีกระเป๋าใส่ปืนวางอยู่ เมื่อตรวจสอบภายในรถยังพบว่าที่เบาะด้านหลังเต็มไปด้วยน้ำดื่ม และขนมขบเคี้ยวจำนวนมาก วางเกะกะทั้งถุงเปล่าทานแล้ว และยังไม่ได้ทาน พร้อมกับให้ตำรวจนำรถยกมายกรถ เพราะไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เนื่องจากใต้ท้องรถติดคาแท่งปูน นำไปเก็บรักษาและตรวจสอบที่ สภ.เมืองนครปฐม

...

ส่วนตัวนายบุญยิ่งให้ มูลนิธิสุขศาลนุเคราะห์นครปฐม นำตัวส่งตรวจรักษาที่ ร.พ.นครปฐม โดยตำรวจให้การดูแลอย่างใกล้ชิด โดยยังไม่มีการแจ้งข้อหาต้องรอผลแพทย์ตรวจ.