ผกก.ไทรโยค มั่นใจ สำนวนคดีปลัดล่าหมีขอสมบูรณ์ ส่วน รอง ผบช.ภาค 7 นำทีมปูพรมค้นป่าลุยห้วยเมืองกาญจน์ ใน 5 จุดหลักที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการกระทำความผิด แต่ยังไม่พบหัวหมี...
ความคืบหน้าคดีปลัดหมีขอที่กาญจนบุรี เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 14 ต.ค.61 พ.ต.อ.ธานี สงวนจีน ผกก.สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เรียกประชุมชุดสืบสวน สภ.ไทรโยค ทีมพนักงานสอบสวน คดีปลัดหมีขอ และ จนท.พิสูจน์หลักฐาน ที่ห้องประชุม ศปก.สภ.ไทรโยค เพื่อสรุปรวบรวมรายละเอียดพยานหลักฐานทั้งหมดประกอบสำนวนการสอบสวน โดยเบื้องต้นได้ข้อสรุปว่า การสอบสวนรุดหน้าและสมบูรณ์ แต่รอผลการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ แต่ก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องลงนำพยานแวดล้อม ลงพื้นที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพบางจุด ที่ยังต้องรอผลนิติวิทยาศาสตร์
การประชุมวันนี้ได้รวบรวมข้อมูลและเรียบเรียงลำดับเวลาในการทำกิจกรรมของกลุ่มผู้ต้องหาที่ต้องสอดคล้องกับพยานเอกสารและพยานวัตถุที่พบตามสถานที่ต่างๆ ที่สำคัญคือการสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติมในหลายประเด็นเพื่อความสมบูรณ์ของสำนวน แต่เชื่อว่าสามารถรวบรวมสรุปสำนวนส่งต่ออัยการทันตามเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้
...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 13 ต.ค.61 ที่ผ่านมา พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูน รอง ผบช.ภ.7 พร้อม พ.ต.อ.ชวลิต สุขสุวรรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี นายพนัชกร โพธิบัณฑิต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค พ.ต.ท.สนธยา ฉายเกียรติขจร สว.สส.สภ.ไทรโยค พ.ต.ต.ศรายุทธ ศรีมัญจาบุรี สว.กก.5 บก.ปทส. ร.ต.อ.อภิชัย พุ่มชัย รอง สว.(สอบสวน) สภ.ไทรโยค ทหาร กกล.รส.มทบ.17(ไทรโยค) ทหารชุด ฉก.ลาดหญ้า (ช่องเขาหนีบ) พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.กาญจนบุรี รวมกว่า 40 นาย ร่วมเดินทางลงพื้นที่เพื่อเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุเป็นครั้งที่ 4 โดยจะลงพื้นที่ป่าเขาพลู หมู่ที่ 8 ตำบลวังกระแจะ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อหาหลักฐานและพยานวัตถุเพิ่มเติม บริเวณป่าเขาพลู รวม 5 จุดหลัก และทุกจุดที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการกระทำความผิด ซึ่งคาดว่าอาจจะยังมีหลักฐานเกี่ยวข้องกับคดีหลงเหลืออยู่ในพื้นที่
จุดแรกคือ จุดที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทำการจับกุมกลุ่มคณะออฟโรด ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย ห่างจากแนวเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค 1.2 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดทิ้งปลอกกระสุนปืน ได้ใช้เครื่องตรวจโลหะแสกนตามพื้นที่ต้องสงสัยเพื่อตรวจหาปลอกกระสุนแต่ไม่พบ
จุดที่ 2 จุดซุกซ่อนซากหมีขอและกบทูด ข้างขอนไม้ถนนฝั่งขวาทิศทางมุ่งหน้าไปทางหน่วย ทย.6 ห่างจากถนน 2.85 เมตร และห่างจากจุดเกิดเหตุ 1.1 กิโลเมตร จุดที่ 3 จุดที่ผู้ต้องหาอ้างว่ายิงแก้บน บริเวณศาลเจ้าพ่อเขาพลู จุดที่ 4 จุดยิงหมีขอ ภายในสำนักสงฆ์เต่าดำ ห่างจากป้ายทางเข้าสำนักสงฆ์เต่าดำ 30 เมตร และห่างจากจุดที่ นายวัชรชัยและพวกตั้งแคมป์ 300 เมตร และจุดที่ 5 จุดชำแหละหมีขอ ที่บริเวณที่ตั้งแคมป์
การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องตรวจจับโลหะ ทำการค้นหาตามจุดต่างๆ แต่ปรากฏว่าไม่พบวัตถุพยานเพิ่มเติมแต่อย่างใด ส่วนการตรวจหาซากของหมีขอโดยเฉพาะส่วนหัวกะโหลก ตามที่นายตาต้าสารภาพว่าโยนทิ้งลงไปในลำห้วยหลังที่ตั้งแคมป์ ทางเจ้าหน้าที่ได้เดินเรียงหน้ากระดานค้นหาไปตามลำห้วยเป็นระยะทางกว่า 300 เมตร โดยใช้การเดินเท้าฝ่ากระแสน้ำไหลแรง คาดว่าส่วนหัวของหมีขอน่าจะถูกพัดพาออกไปไกล หรือไม่ก็มีสัตว์อื่นมาคาบไปกินแล้ว จึงทำให้ไม่พบซาก
ส่วนคราบเลือดของหมีขอบริเวณจุดยิงก็ไม่พบ คาดว่าอาจจะถูกฝนชะล้างไปหมดแล้ว ประกอบกับบริเวณดังกล่าวมีสภาพเป็นป่ารกชัฏจึงทำให้ยากในการตรวจพบ ขณะเดียวกันได้มีการวัดระยะการยิงเพื่อนำมาประกอบในสำนวนคดีด้วย สำหรับหลักฐานอื่นๆ ก็ไม่พบอะไรเพิ่มเติมเช่นกัน
จากนั้นคณะของ พล.ต.ต.อภิชิตและเจ้าหน้าที่ได้เข้าพบเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์เต่าดำ ซึ่งพบว่าท่านให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่ขอปิดวาจา และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้เดินทางไปยังบ้านพักของ นายตาต้า เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม และได้พูดคุยกับแม่ของนายตาต้า ซึ่งอายุมากแล้วและอยู่บ้านเพียงลำพัง อีกทั้งมีอาการป่วยด้วย แต่ก็ไม่ได้อะไรเพิ่มเติม และยังได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของนายเจนระ หรือจิระ ผู้ต้องหาตามหมายจับ แต่ไม่พบใคร และก็ไม่พบหลักฐานใดๆ เพิ่มเติมเช่นกัน
...
พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูน รอง ผบช.ภาค 7 เปิดเผยเกี่ยวกับการลงพื้นที่ตรวจหาหลักฐานในครั้งนี้ว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 4 ของการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่โดยร่วมกันกับหน่วยงานต่างๆ เป็นการตรวจหาวัตถุพยานเพิ่มเติม รวมทั้งหลักฐานอื่นๆ แม้ว่าไม่พบหลักฐานเพิ่มเติม แต่จากพยานหลักฐานที่สามารถรวบรวมได้ในขณะนี้ คาดว่าหลักฐานที่มีแน่นหนาพอที่จะมัดตัวผู้กระทำผิดในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน.