“ตาต้า” ชาวมอญผู้ดูแลสำนักสงฆ์เต่าดำ ยอมคายความจริง ซัดทอดชาย 2 คนในแก๊งปลัดออฟโรด อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐสั่งให้ยิงหมีขอ เผยผลลงพื้นที่ตรวจสอบ คาดหมีขอถูกยิงขณะมากินลูกไทรกำลังสุกบนต้น

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่10 ต.ค. 61 นายพนัชกร โพธิบัณฑิต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค นางสาวเนตรนภา งามเนตร ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ปทส. และ ร.ต.อ.อภิชัย พุ่มชัย พนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค ร้อยเวรเจ้าของคดี พร้อมผู้สื่อข่าว ได้เดินทางลงพื้นที่บริเวณสำนักสงฆ์เต่าดำอีกครั้ง เพื่อตรวจหาวัตถุพยานเพิ่มเติม รวมทั้งค้นหาซากชิ้นส่วนของหมีขอ ซึ่งอาจหลงเหลืออยู่ในพื้นที่ และเพื่อเข้าไปตรวจในบริเวณที่เป็นกุฏิพระสงฆ์ รวมทั้งบริเวณโดยรอบที่เป็นพื้นที่พักแรมที่กลุ่มผู้ต้องหาเข้าพัก นอกจากนี้จะเข้าพูดคุยกับเจ้าอาวาสพระสงฆ์และผู้ดูแลสำนักสงฆ์ด้วยเพื่อนนำมาเป็นหลักฐานเพิ่มเติมในคดี

โดยจุดแรกคณะได้ลงตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติมที่บริเวณศาลเจ้าพ่อเขาพลู ซึ่งอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค พบหัวกระสุนปืน ขนาด 9 มม. ตกอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ 1 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และบริเวณหน้าศาลพบปลอกกระสุนปืน M16 จำนวน 2 ปลอก สภาพเก่า ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าไม่เกี่ยวกับคดี แต่ทำให้ทราบว่า ตรงจุดนี้มีการมียิงปืนแก้บนเกิดขึ้นบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงปูพรมค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป

ระหว่างทางที่คณะกำลังเดินทางต่อเข้าไปยังสำนักสงฆ์เต่าดำ ได้พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ไทรโยค กำลังนำตัว นายตาต้า ไม่มีนามสกุล ชาวมอญ ผู้ดูแลสำนักสงฆ์ ซึ่งเป็นผู้ที่ นายอนุสรณ์ เรือนงาน หรือ อส.ออย เจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดนอำเภอด่านมะขามเตี้ย อ้างว่า เป็นผู้ลงมือยิงหมีขอ ไปส่งให้กับพนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำเพิ่มเติมพร้อมดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวได้ตรวจสอบบริเวณศาลเจ้าพ่อเขาพลู และบังเอิญได้กลิ่นเน่าของซากสัตว์ จึงเดินตรวจหา กระทั่งพบซากสัตว์ซึ่งคาดว่าเป็นซากของหมีขอ บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีดำ ถูกวางอยู่ในบริเวณดังกล่าว จึงได้เก็บรวบรวมไว้เพื่อนำไปส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ต่อไป

...

โดยเบื้องต้น นายตาต้า ยอมรับสารภาพว่า ตนเป็นผู้ลงมือยิงหมีขอจริง แต่มีชาย 2 คนในกลุ่มของ นายวัชรชัย สมีรักษ์ หรือ ปลัดแมน ปลัดฝ่ายป้องกันอำเภอด่านมะขามเตี้ย ซึ่งไม่ทราบชื่อ อ้างว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ได้สั่งให้ตนไปยิงหมีขอ ซึ่งขณะนั้นตนรู้สึกกลัวว่าจะถูกจับกุม เนื่องจากตนเป็นต่างด้าว จึงยอมทำตาม โดยชายดังกล่าวได้นำอาวุธปืนมาให้กับตน และชายหนึ่งในนั้นทำหน้าที่ส่องไฟ ส่วนอีกคนหนึ่งทำหน้าที่เก็บซาก

ต่อจากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่สำนักสงฆ์เต่าดำ พบว่า จุดที่หมีขอถูกยิงน่าจะอยู่บนต้นไทร ซึ่งห่างจากที่ตั้งแคมป์ของกลุ่มผู้ต้องหา ราว 300 เมตร และห่างจากเส้นทางที่วิ่งเข้าสู่วัดประมาณ 20 เมตร เท่านั้น โดยสามารถมองเห็นได้ง่าย ซึ่งต้นไทรดังกล่าวสูงประมาณ 10 – 12 เมตร โดยพบว่าลูกไทรกำลังสุก จึงสันนิษฐานว่า หมีขอน่าจะมากินลูกไทร กลุ่มผู้ต้องหาจึงอาศัยจังหวะดังกล่าวยิงหมีขอ และนำซากมาชำแหละที่ริมลำห้วยข้างที่พัก จากนั้นก็นำเนื้อหมีขอไปปรุงทำอาหาร

ขณะที่ นายพนัชกร โพธิบัณฑิต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค ในฐานะผู้เสียหาย นางสาวเนตรนภา งามเนตร ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค ในฐานะพยาน ได้ทำการชี้จุดที่พบหลักฐานต่างๆ เพื่อให้ร้อยเวรเจ้าของคดีบันทึกภาพประกอบสำนวนคดี.