"ศรีวราห์" พร้อมทีมงานลงลุยคดีปลัดล่าหมีขอ หลัง "อส.ออย" ได้เดินทางมาพบและให้ข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมซัดทอด"ตาต้า"หนุ่มมอญ เป็นมือยิงหมีขอ นอกจากนี้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบพื้นที่สำนักสงฆ์เต่าดำ...
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 10 ต.ค. 61 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ รรท.ผบช.ภาค 7 และคณะ ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี โดยเชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมที่ ห้องประชุม สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เพื่อสรุปผลการปฏิบัติงานสืบสวนสอบสวนคดีปลัดหมีขอ
วันเดียวกันนี้ นายอนุสรณ์ เรือนงาม หรือ อส.ออย ผู้ต้องหาในคดีนี้ ซึ่งได้รับการประกันตัวในชั้นศาล ได้เดินทางมาพบ พล.ต.อ.ศรีวราห์ เพื่อให้การเพิ่มเติม และยอมรับสารภาพว่า ได้มีการใช้อาวุธ ปืนขนาด .22 ยิงหมีขอจริง ส่วนประเด็นอื่นๆ จะขอให้การเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน และนอกจากนี้ จากการสืบสวนสอบสวนขยายผล พบว่ายังมีผู้ร่วมกระทำผิด และหลบหนีไป โดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยคได้มาร้องทุกข์เพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับ นายสมเกียรติ เพ็งนาเรนทร์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41/1 หมู่ 1 ต.บ้านคา อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ว่าเป็นผู้ต้องหาที่หลบหนีไป

...
พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายศาลจังหวัดกาญจนบุรี ออกหมายจับ โดยศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้อนุมัติหมายจับที่ 516/2561 ลงวันที่ 10 ต.ค.61 หลังจากออกหมายจับได้เพียงแค่วันเดียว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถจับกุมตัวนายสมเกียรติได้ในท้องที่ สภ.บ้านคา จ.ราชบุรี จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค ดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดย นายสมเกียรติ ได้เดินทางมาพร้อมกับทนายความ ยอมรับสารภาพว่า เป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดกาญจนบุรีจริง และยอมรับเพียงแค่เป็นผู้อาศัยมากับรถโฟร์วีลของกลุ่ม 11 ผู้ต้องหา เพื่อต้องการเข้าไปทำบุญที่สำนักสงฆ์เต่าดำเท่านั้น ซึ่ง นายโดม จันทร์สุวรรณ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค ได้แจ้งให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค ให้เข้าไปแต่อย่าง และจากนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ จึงขอให้ทนายความนำพา นายสมเกียรติ ไปพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำ

ต่อมา เวลา 15.00 น. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รอง ผบช.ส.จึงได้เริ่มกล่าวรายงานรายละเอียดขั้นตอนของคดี ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ และคณะเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมประชุม รวมทั้งสื่อมวลชน ทราบทุกขั้นตอน
โดยหลังจากรายงานแล้วเสร็จ พล.ต.อ.ศรีวราห์ จึงให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคดีของแต่ละหน่วยงาน โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 ที่รับผิดชอบการนำของกลางประกอบด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน มีด เขียง รวมทั้งเก็บตัวอย่างรถยนต์ทั้งคัน เพื่อนำไปตรวจ DNA และเก็บสารพันธุกรรม โดยคาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 30 วันจึงจะรู้ผล เมื่อผลตรวจ DNA ค่อนข้างล่าช้า พล.ต.อ.ศรีวราห์ จึงมอบหมายให้พนักงานสอบสวน สามารถฝากขังผู้ต้องหาได้ทั้งหมด จำนวน 4 ผัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ นายอนุสรณ์ เรือนงาม หรือ อส.ออย ได้ยอมรับสารภาพต่อหน้า พล.ต.อ.ศรีวราห์ ว่า อส.ออยได้นำอาวุธปืนลูกกรด .22 ให้กับนายตาต้า ชาวมอญ ที่อยู่สำนักสงฆ์เต่าดำ ไปยิงหมีขอมาจริง แต่เนื่องจาก นายตาต้า เป็นแรงงานต่างด้าวชาวมอญ พล.ต.อ.ศรีวราห์ จึงสั่งการให้ ผู้กำกับตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดกาญจนบุรี เร่งสืบหาประวัติของนายตาต้า ว่าได้เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ โดยให้เวลา ตม.กาญจนบุรีตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 3 วัน
นอกจากนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ยังมอบหมายให้พนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค ขออนุมัติศาลเพื่อออกหมายจับตามรูปภาพ และยังได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบพื้นที่สำนักสงฆ์เต่าดำอีกด้วยว่า มีการเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะจากการรายงานของนายโดม ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค พบว่าพื้นที่สำนักสงฆ์ดังกล่าว กรมอุทยานฯ ยังไม่ต่อสัญญาให้
...

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า คดีหมีขอ เป็นการทำคดีที่ค่อนข้างยาก ซึ่งจะแตกต่างจากคดีเสือดำเป็นอย่างมาก เนื่องจากคดีเสือดำนั้น มีหลักฐานครบ เช่น ซากเสือสามารถนำมาประกอบเป็นตัวได้ และมีร่องรอยของรูกระสุน ส่วนคดีหมีขอนั้น เจ้าหน้าที่มีหลักฐานเพียงแค่ขาของหมีขอ 4 ขาเท่านั้น ดังนั้น การรวบรวมพยานหลักฐานจึงค่อนข้างที่จะล่าช้า เพราะพนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมหลักฐานให้รัดกุม เพื่อส่งสำนวนให้กับอัยการพิจารณาสั่งฟ้อง.