อาจจะด้วยความที่มีกำลังพลกว่า 2 แสนนาย เรื่องราวไม่ดีของตำรวจยังคงผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง...

จากคดีการเสียชีวิตของ น.ส.นรีกานต์ หรือหญิง ยาวิราช อายุ 19 ปี ที่ นายสุรพล หรืออ๊อฟ ดาราคำ อายุ 23 ปี ผู้นำส่งรักษาตัวโรงพยาบาลก่อนเสียชีวิตให้การว่า เกิดจากอุบัติเหตุตกรถเทรเลอร์

ตำรวจ สภ.บางปะอิน ทำท่าจะทำเป็นคดีอุบัติเหตุอย่างว่านอนสอนง่าย?!?

จนพ่อแม่ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงเหยื่อเริ่มโวยวาย เอาหลักฐานสำคัญมาแฉ เช่น ข้อความของเหยื่อทางไลน์ฟ้องเพื่อนว่าถูกลวนลาม และคลิปเสียงที่บันทึกคำพูดระหว่าง “น้องหญิง” กับเพื่อนทางโทรศัพท์มือถือ ที่แสดงถึงความหวาดกลัวสุดขีด ต่างกับคำให้การของนายอ๊อฟอย่างสิ้นเชิง!

หลักฐานทั้งหมดถูกส่งไปให้ตำรวจ สภ.บางปะอิน แต่คำพูดที่ครอบครัวน้องหญิงได้รับกลับมาคือให้ไปหาพยานหลักฐานเอง?!

ฟังแล้วดูคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินประชาชนหลายคนร้องเรียนพฤติกรรมของตำรวจแบบนี้!

ขอชื่นชมครอบครัวของน้องหญิง ที่วิ่งสู้ฟัดทุกรูปแบบจนเรื่องราวเริ่มดัง จนตำรวจสนใจทำคดี?!

คดีนี้ถ้าจะเอาประจักษ์พยานคงลำบาก เพราะขณะเกิดเหตุมีผู้อยู่ในเหตุการณ์ 2 คนคือ ผู้ตายและนายอ๊อฟ

ส่วนพยานแวดล้อมมีเพียบ แต่เป็นฝั่งผู้ต้องหาทั้งนั้น ทั้งเพื่อนผู้หญิงของเหยื่อเองที่ลากไปกินเหล้าคือ น.ส.สิรินาถ หรือเป็ด รอบรัมย์ อายุ 18 ปี นายยุทธพงษ์ ไกยะโส อายุ 27 ปี เพื่อนของนายอ๊อฟ และนายท็อป ยังไม่ทราบชื่อและนามสกุลที่หลบหนีไปแล้ว

แต่หลักฐานอะไรก็สู้ผลชันสูตรศพไม่ได้ แพทย์ชี้ว่า พบบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งไม่มีคมที่ศีรษะจนกะโหลกแตก!

พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ถึงกับอยู่ไม่ไหว ตามไปตรวจสอบสำนวนการสอบสวนที่ สภ.บางปะอิน สืบสาวราวเรื่องได้ความว่า มีมูลความจริง สั่งย้ายตำรวจ 3 โรงพักประกอบด้วย สภ.บางปะอิน สภ.พระอินทร์ราชา จ.พระนครศรีอยุธยา และ สภ.เมืองปทุมธานี รวม 10 นายไปประจำ ศปก.ภ.1

...

คดีนี้จะว่ายากก็ยาก...จะว่าง่ายก็ง่าย...เพราะไม่ต้องไปตามตัวผู้ต้องหาจากไหน สำคัญที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบหาพยานหลักฐาน และการตรวจสอบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์

เชื่อว่าไม่เกินความสามารถของตำรวจไทย อยู่ที่สนใจจะทำหรือเปล่าเท่านั้น?

สหบาท