ผอ.ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งสมุทรปราการ และนักวิชาการ เชื่อการตายของอดีตปลัด พม.มีเงื่อนงำ พร้อมเรียกร้องให้ตำรวจอายัดศพไว้ตรวจสอบ รวมทั้งให้เร่งสอบปากคำเพื่อนสาวคนสนิทกินยาพิษแล้วรอดตาย เพื่อเค้นหาความจริงใครมีส่วนเกี่ยวข้องอีก
กรณีการเสียชีวิตของนายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อดีตปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ด้วยการดื่มยาพิษผสมไวน์ พร้อม น.ส.วาสนา ตะเภาพงษ์ หญิงคนสนิท ภายในห้องนอนหมู่บ้านย่านปทุมธานี แต่ น.ส.วาสนาถูกนำส่งรักษาตัวในโรงพยาบาลช่วยชีวิตได้ทัน ขณะเดียวกันทนายของนายพุฒิพัฒน์ ออกมาชี้แจงถึงการตายของอดีตปลัด พม.ในทำนองว่าไม่ได้หนีคดี แต่น้อยใจบุคคลบางคนที่ขอปรึกษาแต่เงียบหาย อีกทั้งบ่นข้อความชวนสงสัย “ผมไม่ได้ร่วมมือ ผมสั่งให้หยุด แต่เขาไม่ฟังผม ผมพลาดที่ไว้ใจคนผิด” นั้น
เมื่อวันที่ 1 ก.ค. นางฐณิฎฐา จันทนฤกษ์ ผอ.ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเคยยื่นเรื่องร้องเรียนขบวนการทุจริตคนไร้ที่พึ่งให้มีการตรวจสอบในสมัยนายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) เผยว่า ตนได้อโหสิกรรมแก่นายพุฒิพัฒน์ไปแล้ว แต่จากการพูดคุยกับเพื่อนข้าราชการใน พม.ต่างสงสัยหลายประเด็นถึงการเสียชีวิตของนายพุฒิพัฒน์ โดยเฉพาะคำพูดของทนายความและ น.ส.วาสนา ที่บอกว่านายพุฒิพัฒน์เคยบอกว่า “ผมไม่ได้ร่วมมือกับเขา ผมสั่งให้หยุด แต่เขาไม่หยุด ผมพลาดที่ไว้ใจคนผิด” หลายคนใน พม.สงสัยว่าเป็นลูกน้องหรือใครคนไหนสั่งให้หยุดแล้วไม่หยุด เป็นการพูดไม่มีความชัดเจน ทำให้บุคคลอื่นเสียหาย น.ส.วาสนาอาจจะบอกรายละเอียดได้ คนสั่งให้หยุด ไม่หยุด เป็นใคร
นางฐณิฎฐากล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นควรจะมีการสอบข้อเท็จจริงให้มีความกระจ่างก่อน แต่ไม่ทราบว่าทางตำรวจรับทราบหรือไม่ ทุกคนยังสงสัยว่าใครวางยา เป็นยาอะไร ทำไมคนหนึ่งตาย อีกคนรอด และทราบหรือไม่ว่า น.ส.วาสนา เคยเป็นข้าราชการ พม.มาก่อน ลาออกไปเมื่อปี 2559 แต่มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย ทั้งบ้านและรถจำนวนมาก ถูก ปปง.อายัดทรัพย์สินไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อตรวจสอบเส้นทางกรณีอาจจะเชื่อมโยงการทุจริตเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง การที่ทนายความออกมาพูดยืนยันในความบริสุทธิ์ของคนทั้งสอง และกล่าวข้อความเหมือนมีบุคคลอื่นเข้าไปเกี่ยวข้อง ตำรวจต้องหาความชัดเจน ทำไมยังไม่มีการสอบปากคำ น.ส.วาสนากลับรีบจัดงานศพและรีบฌาปนกิจในวันที่ 2 ก.ค.เหมือนจะชิงเผาโดยยังไม่มีความกระจ่างใดๆ
...
ด้าน ผศ.วิวัฒน์ชัย กุลมาตย์ รองประธานอนุกรรมการปราบปรามคอร์รัปชันของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และอดีตอาจารย์อาชญาจิตวิทยา คณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัยรามคำแหง ให้สัมภาษณ์ถึงการเสียชีวิตของนายพุฒิพัฒน์ว่า มีเงื่อนงำ ตำรวจควรดำเนินการพิสูจน์คดีให้เป็นที่กระจ่าง ศพนายพุฒิพัฒน์เร่งรีบฌาปนกิจผิดสังเกต ตำรวจรู้ข้อมูลทรัพย์สินของ น.ส.วาสนา ตามที่ ปปง. อายัดไว้หรือไม่ ช่วงรับแจ้งเหตุตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุพบนายพุฒิพัฒน์เสียชีวิตไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่ น.ส.วาสนา ล้างท้องทัน หากกินยาพร้อมกันประสงค์ตายพร้อมกันก็ไม่น่าจะล้างท้องทัน โดยเฉพาะช่วงเวลากินยา ใครเป็นฝ่ายวางยา แก้วน้ำมีคราบยา ดีเอ็นเอหรือไม่ ภาพที่ปรากฏตามข่าวนายพุฒิพัฒน์เหลือไวน์ครึ่งแก้วแต่เสียชีวิต อีกแก้วเป็นของ น.ส.วาสนา กินหมดแก้ว แต่ไม่เสียชีวิต ดังนั้นควรตรวจสอบว่าเป็นการฆาตกรรมอำพรางหรือไม่ ควรอายัดศพไว้ก่อน น.ส.วาสนาต้องให้ความกระจ่างแก่เรื่องนี้
ผศ.วิวัฒน์ชัยกล่าวอีกว่า ทราบว่ามีผู้ร้องไป ปปง. ให้ตรวจสอบและอายัดทรัพย์สิน น.ส.วาสนา ซึ่งมีความใกล้ชิดกับนายพุฒิพัฒน์ ต่อมา ปปง.อายัดทรัพย์สินที่คาดว่าเป็นการฟอกเงินจากการทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่ง มูลค่าเกือบ 88 ล้านบาท และเมื่อเร็วๆนี้ ปปง.อายัดเงินบัญชีเพิ่มอีก 20 ล้านบาท ยังไม่ปรากฏเป็นข่าว อยู่ระหว่างให้นายพุฒิพัฒน์ และ น.ส.วาสนา ชี้แจงข้อกล่าวหา นายพุฒิพัฒน์เสียชีวิตไปแล้ว แต่ทรัพย์สินที่อายัดเป็นชื่อของ น.ส.วาสนา คดีนี้ทรัพย์สินมาก คาดว่าสูงกว่า 100 ล้าน อยู่ระหว่างตรวจสอบอาจพบและอายัดเพิ่มเติม ดังนั้นในฐานะที่ตนมีประสบการณ์เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาโดยเฉพาะอาชญาจิตวิทยา อาจมีหลายเหตุผล หลายองค์ประกอบด้วยกัน หากนายพุฒิพัฒน์มีชีวิตอยู่ อาจรับสารภาพก็มีความเสี่ยงทำให้ถูกยึดทรัพย์ได้เช่นกัน กรณีนี้มีข้อน่าสงสัย หวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันสร้างบรรทัดฐาน ดำเนินการเอาทรัพย์สินจากการทุจริตคืนให้กับแผ่นดิน