สาววัย 32 ร่ำไห้ เปิดใจ ไม่คิดว่าแฟนหนุ่มกระโดดลงรถจะตาย อยู่ริมถนนที่สุพรรณฯ เผยมีปากเสียงกัน ก่อนอีกฝ่ายประชด อ้างที่ไม่ได้กลับไปดู เพราะคิดว่าไม่เป็นไร ยันไม่ได้ตั้งใจ พร้อมขอโทษครอบครัวอีกฝ่าย ...


ความคืบหน้าคดี หนุ่มกรุงเทพฯ นายภาณุพงศ์ พรหมมณีรัตน์ หรือ เก้น อายุ 21 ปี นอนตายริมถนนสาย340 สุพรรณบุรี-บางบัวทอง ม.3 ต.สาลี อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ซึ่งจากการสอบปากคำแฟนสาวเบื้องต้น อ้างว่า มีปากเสียงกัน ก่อนที่แฟนหนุ่มจะประชด ด้วยการเปิดประตูกระโดดลงจากรถ ซึ่งตัวเองไม่ได้ย้อนกลับไปดู และไม่คิดว่าจะเสียชีวิต

ความคืบหน้า เมื่อช่วงเย็น วันนี้ (30 พ.ค.) ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางปลาม้า ได้เรียกตัว น.ส.สุภาวดี (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี แฟนสาวผู้ตาย และ น.ส.อภิญญา (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ซึ่งได้อยู่ในเหตุการณ์วันเกิดเหตุ มาสอบเพิ่มเติม โดยแยกห้องสอบสวน

น.ส.สุภาวดี เปิดใจครั้งแรก พร้อมร่ำไห้ตลอดเวลาว่า ในคืนวันเกิดเหตุ ตนและแฟน พร้อมด้วยน้องสาว ได้ไปเที่ยวที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน จ.สุพรรณบุรี หลังจากเที่ยวเสร็จ ก็ขับรถกลับบ้านที่กรุงเทพฯ ระหว่างทาง ได้ทะเลาะกัน ซึ่งน้องสาวก็พยายามห้ามมาตลอดทาง โดยแฟนหนุ่มนั้น พยายามยื่นมือมาให้ตนเหยียบคันเร่งให้ขับไวขึ้น บอกว่าอยากตาย ตนก็พยายามห้าม

...

จากนั้นเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ แฟนหนุ่มก็เปิดประตูกระโดดลงจากรถไป ซึ่งตนก็ไม่ได้ขับรถกลับมาดู เนื่องจากว่า ที่ผ่านมา ผู้ตายมีนิสัยชอบประชด และขู่ฆ่าตัวตายตลอดเวลาทะเลาะกัน ก็เลยต้องการดัดนิสัย เพราะคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมาก เนื่องจากขับรถไม่ได้เร็ว มาทราบข่าวอีกวันว่าเสียชีวิตแล้ว ก็ตกใจมาก ร้องไห้จนถึงตอนนี้ ไม่ได้อยากให้เค้าตาย และรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ขับกลับไปดู ตนจึงอยากขอโทษครอบครัวของแฟน และพร้อมรับผิดในสิ่งที่ทำ ซึ่งตนก็ไม่ได้ตั้งใจ

ด้านความคืบหน้าของคดี ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี และ ชุดสืบสวน สภ.บางปลาม้า ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตามจุดต่างๆของสถานบันเทิง และตามเส้นทางที่รถยนต์ขับออกจากผับ รวมถึงเรียกแม่ของผู้ตาย กลุ่มเพื่อนที่มาเที่ยวด้วยกันในคืนวันนั้น มาสอบปากคำเพิ่ม พร้อมทั้งตรวจหาสารเสพติดในร่างกายของแฟนสาว น้องสาว เบื้องต้นไม่พบสารเสพติด แต่อย่างใด

ส่วนจะเป็นคดีมีเงื่อนงำเป็นปมปริศนากับการตายครั้งนี้หรือไม่ ทางตำรวจยังต้องรอผลจากสถาบันนิติเวช และ ผลจากการสอบสวนผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ และพยานแวดล้อมทั้งหมด ก่อนสรุปสำนวนคดีต่อไป.