แจ๊ค ไนซ์ ทู มีท ยู ร่วมแชร์ประสบการณ์ที่ได้รับจากการก้าวเข้าสู่สนามแข่งรถ มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด
เปิดความในใจ นักร้องดังใช้เวลาว่าง เรียนรู้ และซุ่มซ้อมเพื่อลงสู่สนามแข่งรถ พร้อมร่วมแชร์ประสบการณ์ที่ได้ ในแง่มุมที่หลายต่อหลายคนคาดไม่ถึง ชัยชนะไม่ได้เกิดจากแค่ความเร็วของรถ เหนือสิ่งอื่นใด คือ ความมีระเบียบวินัยและมีสติ ที่ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่และเพื่อนนักแข่งในสนาม
จารุพงศ์ กล้วยไม้งาม หรือ แจ๊ค ไนซ์ ทู มีต ยู หรือ แบล็คแจ๊ค นักร้องหนุ่มรูปหล่อ วัย 31 ปี ศิลปินที่อยู่ในวงการเพลงมานานกว่า 10 ปี มีใจรักและชื่นชอบความเร็วในกีฬามอเตอร์สปอร์ต จากความหลงใหลในเสียงของมอเตอร์และเครื่องยนต์ อันมีจุดเรื่มต้นจากรถประกอบ TAMIYA ในวัยเด็ก จนปัจจุบันก้าวขึ้นสู่นักแข่งเต็มตัวในนาม ทีม Puma Nitto Team PTT โดยผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้มีโอกาสพูดคุยแบบ Exclusive ถึงวิธีการเตรียมตัวและสิ่งที่ได้รับจากในสนามแข่งขัน ร่วมถึงแง่มุมต่างๆ เพื่อกระตุ้นเตือนไปยังผู้ใช้รถใช้ถนน รวมไปถึงบรรดานักซิ่งและกลุ่มเด็กแว้นที่คึกคะนอง เปลี่ยนท้องถนนเป็นสนามแข่งรถ
...
- การก้าวเข้าสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตแบบจริงจัง ต้องมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
”อย่างแรกที่ต้องทำคือ การเข้าอบรม ซึ่งถึงแม้ในรถที่ใช้แข่งขันทุกคัน จะมีอุปกรณ์เซฟตี้อยู่แล้ว แต่หากตัวผู้เข้าแข่งขันไม่มีความรู้เรื่องอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ จะเป็นสิ่งที่อันตรายมาก ซึ่งนอกจากจะก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองแล้วยังอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้เข้าแข่งขันรายอื่นๆ ด้วย โดยในขั้นตอนของการอบรมจะเน้นในเรื่องของการเรียนรู้กฎกติกาในสนามแข่ง สัญลักษณ์ของการตีธง แต่ในส่วนมารยาท รวมไปถึงเทคนิคในการแซง, การหลบไลน์ เทคนิคต่างๆ เหล่านี้ จะได้รับการถ่ายทอดต่อมาจากรุ่นพี่ ซึ่งไม่มีอยู่ในเนื้อหาของการอบรม โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อเข้าสู่สนามแข่ง มิใช่เพียงแค่การเอาชนะกันในเกม แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือ การรักษามารยาท, มีระเบียบวินัย และมีสติอยู่ตลอดเวลา โดยคำนึงถึงความปลอดภัยทั้งต่อตนเองและเพื่อนร่วมแข่งขัน”
- ในมุมมองส่วนตัว ความแตกต่างระหว่างการขับขี่ในสนาม กับการขับขี่บนท้องถนนในชีวิตประจำวัน หลังจากก้าวเข้ามาเป็นนักแข่งรถเต็มตัว มีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
”บอกได้เลยว่าแตกต่างกันแบบสุดขั้วจริงๆ เพราะการขับขี่ในสนามจะเป็นพื้นที่แบบปิด คือเราสามารถทราบจำนวนรถที่วิ่งอยู่แน่นอน เราจะรู้ไลน์ของรถที่ขับตามมาหรือรถที่จะแซง ซึ่งแตกต่างกับการขับบนท้องถนน ที่หากเรายิ่งวิ่งด้วยความเร็วสูงเท่าไร ความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุ รวมถึงอันตรายก็จะมีมากขึ้น เนื่องจากจำนวนรถที่เยอะมาก และแต่ละคันก็จะมีความช้า-เร็วต่างกันไป ยากต่อการคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า และเป็นการยากต่อการควบคุมรถในกรณีคับขัน อันอาจจะนำมาซึ่งอุบัติเหตุต่อรถคันข้างๆ หรือสิ่งที่อยู่รอบข้างเราได้ ซึ่งสามารถสรุปได้สั้นๆ เลยว่าความแตกต่างระหว่างในสนามกับนอกสนาม คือ เรื่องของความปลอดภัยเป็นหลัก”
- สิ่งที่เราได้รับจากการเรียนรู้และประสบการณ์ในการเข้าสนามแข่งขันอย่างถูกต้อง
”การที่เราได้เข้าไปเรียนรู้กีฬามอเตอร์สปอร์ต ช่วยให้สามารถเปลี่ยนมุมมองและทัศนคติในการขับขี่บนท้องถนนของเราได้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งเดิมมีความเข้าใจกันแบบผิดๆ ที่ว่าเหยียบคันเร่งอย่างเดียวเพื่อให้รถมีความเร็ว เพื่อความเป็นผู้ชนะ ซึ่งในสนามแข่งจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลย เราต้องควบคุมความเร็วแต่ละโค้งแต่ละไลน์ซ้ำๆ กัน ระยะเบรกซ้ำๆ กัน มันกลายเป็นการสร้างระเบียบวินัยในการขับขี่ และทำให้เรามีความใจเย็นมากขึ้น ซึ่งตรงจุดนี้ คนส่วนใหญ่เข้าใจว่านักกีฬามอเตอร์สปอร์ตต้องเป็นคนที่ใจร้อน ใช้แต่อารมณ์ แต่จากการที่เราได้เข้าไปสัมผัสมันกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ตอนที่เราอยู่ในสนามแข่งมันเหมือนกับการที่เรากำลังรำไทเก๊ก ต้องอาศัยความใจเย็น ต้องมีสติอยู่กับตัวเองตลอดเวลา”
...
-มีการนำความรู้และประสบการณ์ในสนามแข่งรถ มาประยุกต์เข้ากับการดำรงชีวิตประจำวัน อย่างไรบ้าง
”สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปเลยคือ ตัวเราขับรถใจเย็นขึ้น ซึ่งไม่ใช่เป็นแค่เราคนเดียว แต่จากการพูดคุยกับเพื่อนที่มีประสบการณ์ลงแข่งมอเตอร์สปอร์ตกว่า 80% ขับรถช้าลงอยู่ในกฎระเบียบของท้องถนน มีความใจเย็นขึ้นขณะเร่งแซง เพิ่มความรอบคอบในการดูรอบด้านให้แน่ใจว่าปลอดภัย เราจะใจเย็นมากขึ้น ระยะการเบรกเราเปลี่ยนไป เราเน้นเรื่องเซฟตี้เยอะขึ้น คำนึงถึงผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกันมากขึ้น มีวินัยในการขับขี่เพิ่มขึ้นมาก”
-สุดท้ายนี้อยากจะฝากอะไรถึงผู้ใช้รถใช้ถนน ที่มีการสัญจรในชีวิตประจำวัน และกลุ่มนักซิ่ง หรือกลุ่มเด็กแว้นที่คึกคะนอง เปลี่ยนท้องถนนเป็นสนามแข่งรถ
"สิ่งที่จะฝากถึงผู้ใช้รถใช้ถนนเลยว่า ความปลอดภัยถือเป็นสิ่งที่สำคัญ อุบัติเหตุต่างๆ ไม่มีใครอยากให้เกิด ซึ่งเพียงชั่วพริบตาก็นำมาซึ่งความสูญเสีย ความห้าว ความคึกคะนอง อย่านำมาใช้บนท้องถนนเลย ถ้ามีความห้าว มีความคึกคะนอง แนะนำให้เข้าสนามแข่งแบบถูกต้องเลยครับ อยากจะแรง อยากจะเร็ว ไปเร็วในสนาม แล้วทำตามกฎระเบียบที่เค้ามี เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและผู้อื่น ซึ่งหลังจากที่คุณได้ก้าวเข้าไปแล้วจะเจออีกโลกหนึ่งที่จะทำให้การขับขี่ของคุณเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จะทำให้ตัวคุณเองก็สามารถที่จะช่วยปกป้อง หรือป้องกันความปลอดภัยให้กับคนที่ขับขี่ทั่วไปได้ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งตัวผมเองก็เคยผ่านจุดที่เคยคึกคะนองบนท้องถนนมาพอสมควร มันไม่มีอะไรดีเลย คนทั่วไปไม่ได้มองว่าคุณเท่ แต่กลับมองดูคุณด้วยความน่ารำคาญ เพราะคุณได้สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น เพราะฉะนั้นคุณจงเลือกเองว่าจะให้คนจดจำคุณแบบไหน หรือคุณจะเลือกจบชีวิตคุณแบบไหน"
...