ชนวนร้อนให้จเรฟัน 3 รอง ผบก.เพชรบุรี

รอง ผบก.ภ.จ.เพชรบุรี 1 ใน 15 ตำรวจที่ถูกจเรตำรวจแห่งชาติสั่งย้ายเข้า ศปก.ตร. สังเวยกฎเหล็ก “แต่งตัวและไว้ทรงผิดระเบียบ” ทั้งที่เพิ่งตัดผมเกรียน เชื่อผู้บังคับบัญชาได้รับข้อมูลผิด สาเหตุจากตำรวจชั้นประทวนที่ได้รับมอบหมายให้มาตรวจสอบ ไม่พอใจที่ถูกค้นรถและขอดูบัตรข้าราชการ จนทราบว่าไม่ได้เป็นนายตำรวจอย่างที่กล่าวอ้าง ขณะที่ ส.ต.ท.คู่กรณียอมรับจเรตำรวจมอบหมายให้สืบสวนทางลับ โดยให้ถ่ายรูปและชื่อสังกัดตำรวจที่ฝ่าฝืนระเบียบ แต่ทำไม่ได้เลยต้องเรียกให้มาพบแล้วถ่ายรูปเก็บข้อมูลส่ง “นาย” ไม่มีการเรียกรับเงินและตบหัวตำรวจอย่างที่เป็นข่าว

กรณี พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ลงนามคำสั่ง ศปก.ตร.ที่ 24/2561 ลงวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา ให้ตำรวจ 15 นายไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. โดยให้ขาดจากต้นสังกัด โดยให้รายงานตัวกับ พล.ต.ท.สุรพล พินิจชอบ ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ในวันที่ 5 พ.ค. ตำรวจที่ถูกย้ายเป็นตำรวจ สังกัด บก.ภ.จ.เพชรบุรี 9 นาย เป็นรอง ผบก.ภ.จ.เพชรบุรี ถึง 3 นาย ประกอบด้วย พ.ต.อ.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ พ.ต.อ.วิทัศน์ บริรักษ์ และ พ.ต.อ.วิเชียร อินเทียน ระดับรอง ผกก. 1 นาย อีก 5 นาย เป็นตำรวจชั้นประทวน มีรายงานข่าวระบุสาเหตุมาจากการแต่งเครื่องแบบและทรงผมไม่เป็นไปตามระเบียบ

ความคืบหน้าการย้ายด่วนนายตำรวจระดับรอง ผบก.ภ.จ.เพชรบุรี 3 นายรวด เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 5 พ.ค. ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถามไปยัง พ.ต.อ.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลว่าการย้ายครั้งนี้มาจาก “ไว้ผมยาว” ทั้งที่ พ.ต.อ.ไพรัตน์เพิ่งไปโพสต์เฟซบุ๊กโชว์ทรงผมใหม่ด้านข้างเกรียนเมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา เรื่องที่เกิดขึ้นตนรู้สึกแปลกใจเพราะเพิ่งตัดผมมา เชื่อว่าผู้บังคับบัญชาอาจได้รับรายงานที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง น่าจะเกี่ยวโยงกับการตรวจค้น ส.ต.ต.กมลวิสิฐ ลิบลับ อ้างเป็นนายตำรวจสังกัดสำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ มาตรวจสอบการแต่งกายและทรงผมของตำรวจในพื้นที่

...

พ.ต.อ.ไพรัตน์กล่าวต่อว่า เรื่องนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ทาง สภ.บ้านลาด รายงานมีชายต้องสงสัย สวมเสื้อมีฮู้ด กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ ขึ้นไปบนโรงพักเปิดดูห้องโน้นห้องนี้ และถ่ายรูปตำรวจบนโรงพัก พูดจาท้าทายไม่เหมาะสม อ้างเป็นนายตำรวจบอกว่าจเรตำรวจแห่งชาติให้มาตรวจสอบเรื่องทรงผมและการแต่งกายของตำรวจพร้อมทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ วันรุ่งขึ้นตนโทร.ติดต่อไปที่เบอร์ดังกล่าวแต่ไม่รับสาย หลังจากนั้น ส.ต.ต.กมลวิสิฐ โทร.กลับอ้างเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ ชื่อหมวดโต้โต้ เอ่ยปากขอกระสุนปืน 9 มม. 20 นัด บอกว่าจะรอหน้า สภ.เมืองเพชรบุรี ตนนำเงินไปให้ 2,000 บาท ชวนขึ้นไปคุยบนโรงพักต่อหน้า พ.ต.อ.อรรถพล พงษ์สุพรรณ ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี

รอง ผบก.ภ.จ.เพชรบุรี กล่าวต่อว่าระหว่างที่นั่งคุยกันได้บอก ส.ต.ต.กมลวิสิฐ นำหลักฐานมาแสดง และตักเตือนเรื่องการวางตัว แต่ ส.ต.ต.ไม่ยอมแสดงบัตรข้าราชการ จึงให้ชุดสืบสวนตรวจค้นรถปิกอัพทะเบียน 1 กฆ 3346 กรุงเทพมหานคร ของ ส.ต.ต.กมลวิสิฐ ถึงยอมควักบัตรข้าราชการมาแสดง ระบุตำแหน่ง ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 1 กก.อารักขา 1 บก.อคฝ.บช.น. ส่วนทะเบียนรถที่ติดอยู่เป็นทะเบียนปลอม ทะเบียนจริง บน 8228 ประจวบคีรีขันธ์ ซุกใต้เบาะรถ ตนสอบถามไปยังสำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ ได้รับ คำตอบว่า ส.ต.ต.กมลวิสิฐได้รับมอบหมายให้มาตรวจสอบการแต่งกายและทรงผมตำรวจ ก็เลยปล่อยตัวกลับไป ปรากฏว่าในช่วงเย็นมีคำสั่งย้ายตำรวจดังกล่าว เชื่อว่าผู้บังคับบัญชาน่าจะได้รับข้อมูลคลาดเคลื่อน

ด้าน ส.ต.ต.กมลวิสิฐ ลิบลับ ผบ.หมู่งานสาย ตรวจ 1 บก.จร. กล่าวว่าบัตรที่ตนพกเป็นบัตรเก่า ปัจจุบัน ย้ายมาสังกัด บก.จร.แล้ว ได้รับมอบหมายจากจเรตำรวจแห่งชาติ ให้สืบสวนทางลับในพื้นที่ จ.เพชรบุรี วันที่ 2-3 พ.ค. เพื่อถ่ายภาพและหาชื่อตำรวจที่ไว้ผมยาวแต่งเครื่องแบบผิดระเบียบ เนื่องจากพื้นเพตนเป็นชาวเพชรบุรี แต่พอลงพื้นที่จริง สืบสวนทางลับไม่ได้และกล้องที่ใช้ซูมภาพไม่ได้ และการหาชื่อตำรวจแต่ละนายไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เข้าไปถามก็ไม่มีใครให้ความร่วมมือ ตัดสินใจเข้าไปแบบโต้งๆ ขอพบเจ้าตัว ผกก. และรอง ผกก.บนโรงพัก เลยต้องให้มีการตามตัวมาเพื่อขอถ่ายรูป และจดชื่อตำรวจที่ไม่ยอมตัดผม แต่งเครื่องแบบไม่เรียบร้อย รายงานให้จเรตำรวจแห่งชาติทราบ ในคำสั่งที่จเรตำรวจมีคำสั่งเรียกตัวมาปฏิบัติหน้าที่ที่ ศปก.ตร. เป็นตำรวจที่ฝ่าฝืนระเบียบจริงและเป็นคนที่ถูกถ่ายภาพและส่งประวัติไปให้ที่จเรตำรวจแห่งชาติ

ส.ต.ต.กมลวิสิฐกล่าวอีกว่า เรื่องที่มีข่าวว่า เรียกรับเงิน และตบหัวตำรวจ 2 คนว่า เป็นเรื่องที่เกิดที่ สภ.เมืองเพชรบุรี เจอตำรวจ 2 คน ยศ ด.ต.และ ส.ต.ต. ไว้ผมยาวได้เตือนให้ไปตัดผมให้ถูกต้องตามระเบียบในวันที่ 2 พ.ค. และเขาได้ทำตามแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้เรียกรับเงินและตบหัวตำรวจอย่างที่เป็นข่าว เรื่องนี้สอบถามตำรวจทั้ง 2 คนได้ และ สภ.เมือง เพชรบุรี ไม่มีใครถูกคำสั่งย้ายมาอยู่ที่ ศปก.ตร. หลังมีการสุ่มตรวจในหลายโรงพักทราบว่ามีคำสั่งให้ตรวจสอบพฤติกรรมบุคคลน่าสงสัย อ้างเป็นจเรตำรวจเข้ามาตรวจสอบตำรวจ ขอย้ำว่าตนรับคำสั่งมาทำงาน ไม่ได้แอบอ้าง แต่คำสั่งให้สืบสวนทางลับในทางปฏิบัติจริงตนทำไม่ได้ เพราะกล้องซูมภาพไม่ได้ และมีปัญหาการตรวจสอบชื่อผู้ที่ฝ่าฝืนระเบียบ ตร. จึงต้องแสดงตัวขอถ่ายรูปและประวัติผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งเพื่อรายงานไปที่จเรตำรวจแห่งชาติ