ผัวโดนตลอดชีวิต ขาดหลักฐานร่วม แต่ยังติด-หั่นศพอีกรายก่อนหน้า

ศาลจังหวัดสมุทรปราการยกฟ้อง “พรชนก” ในคดีผลักกิ๊กยุ่นตกบันไดตายปริศนา แต่ยังต้องติดคุก 48 ปี ในคดี ร่วมหั่นศพครูสอนภาษาชาวญี่ปุ่น พร้อมตัดสินจำคุกตลอดชีวิต “สมชาย” ผัวมือสังหารเป็นคดีที่ 2 หลังยอมรับฆ่าเหยื่อจริง อ้างเกิดจากความหึงหวง ไม่ได้หวังเงินประกันชีวิตหลายล้านบาท จำเลยสารภาพลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 33 ปี 4 เดือน และให้นับโทษต่อจากคดีแรก

ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 5 ชั้น 2 ศาลจังหวัดสมุทรปราการ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 มี.ค. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีดำเลขที่ 4571/60 ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการ โจทก์ กับนายสมชาย แก้วบางยาง อายุ 51 ปี จำเลยที่ 1 และนางเพ็ญศรี หรือพรชนก ทานากะ หรือไชยะปะ อายุ 51 ปี จำเลยที่ 2 ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน

คดีดังกล่าว สืบเนื่องจากการหายตัวไปของ นายโยชิโนริ ชิมาโตะ อายุ 79 ปี ครูสอนภาษาชาวญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย.57 ทำให้นายเท็ตสึโอะ ชิมาโตะ บุตรชาย เดินทางมาตามหาและแจ้งความไว้ที่ สน.ห้วยขวาง กระทั่งนางพรชนก ไชยะปะ เพื่อนสาวคนสนิท ยอมรับสารภาพว่าตนและนายสมชาย สามี นำศพนายโยชิโนริมาชำแหละในบ้านพัก ที่หมู่บ้านออร์คิด แบ่งชิ้นส่วนอวัยวะบรรจุใส่กระสอบปุ๋ย 4 กระสอบ นำใส่รถแท็กซี่ไปโยนทิ้งใต้สะพาน คลองนาง ซอยมหาวิทยาลัยเอแบค อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เพื่ออำพรางคดี ต่อมาวันที่ 14 ม.ค.59 ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิตนายสมชาย แก้วบางยาง ส่วนนางพรชนก ไชยะปะ ถูกจำคุก 48 ปี ฐานร่วมกันซ่อนเร้นทำลายศพ

คดีฆ่าหั่นศพที่เกิดขึ้นทำให้ทราบว่ายังมีชาวญี่ปุ่นอีกคนเข้ามาเกี่ยวข้องกับนางพรชนกและเสียชีวิตปริศนาคือ นายคาซึโตชิ ทานากะ ที่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนางพรชนกจนมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ขณะนั้นนางพรชนกยังอยู่กินกับนายสมชาย สามี ต่อมานายคาซึโตชิ ประสบอุบัติเหตุตกบันไดเสียชีวิตในปี 2546 ตำรวจสรุปความเห็นคดีดังกล่าวว่าเป็นอุบัติเหตุ การเสียชีวิตของนายคาซึโตชิ ทำให้นางพรชนกได้รับเงินประกันชีวิตกว่า 3 ล้านบาท

...

ต่อมานางเค็กโกะ มัตตา ลูกสาวนายคาซึโตชิ ที่เกิดกับนางจินตนา ณะสุโห ภรรยาคนไทยทราบข่าวการตายของนายโยชิโนริ ชิมาโตะ ครูสอนภาษาชาวญี่ปุ่น จึงเกิดความสงสัยว่านายคาซึโตชิ บิดา อาจถูกนางพรชนก กิ๊กสาวฆาตกรรม ไม่ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุตกบันไดตามที่นางพรชนกกล่าวอ้าง จึงได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 23 ต.ค.57 ขอให้ตำรวจรื้อฟื้นคดีของนายคาซึโตชิ ขึ้นมาใหม่ ในชั้นสอบสวน นางพรชนกยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา มีเพียงนายสมชายที่ยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา เพียงแต่ผู้เดียวว่าเป็นคนสังหารนายคาซึโตชิเพราะความหึงหวง

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายสมชาย จำเลยที่ 1 รับสารภาพในชั้นสอบสวนว่าก่อเหตุฆ่านายคาซึโตชิ ทานากะ เนื่องจากเกิดความหึงหวง เพราะเคยมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากับจำเลยที่ 2 มาก่อน ข้อต่อสู้ที่ระบุว่าถูกตำรวจเกลี้ยกล่อมให้รับสารภาพนั้น ตอนสอบสวนมีทนายนั่งฟังด้วยและไม่ปรากฏว่ามีการเกลี้ยกล่อมแต่อย่างใด ส่วนเรื่องที่พยานฝั่งจำเลยให้การในชั้นศาลว่า วันเกิดเหตุที่นายคาซึโตชิเสียชีวิต ได้ว่าจ้างนายสมชายขับรถแท็กซี่ไปส่งของที่ต่างจังหวัด เนื่องจากรถยนต์ของตนประสบอุบัติเหตุนั้น ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าในวันดังกล่าวมีเหตุจริง รวมถึงคำให้การดังกล่าวไม่มีในชั้นสอบสวน

ทั้งนี้ พิเคราะห์ตามหลักฐานดังกล่าวมีความแน่นหนามั่นคงเพียงพอที่จะเชื่อได้ว่า นายสมชาย ได้ฆ่านายคาซึโตชิ ทานากะจริง เพราะความหึงหวง ประกอบกับโจทก์ไม่สามารถหาพยานหลักฐานให้เชื่อมโยงได้ว่านายสมชายวางแผนฆ่านายคาซึโตชิ ทานากะ เพื่อครอบครองธุรกิจและวางแผนเอาเงินประกัน จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัย ศาลพิพากษาตัดสินนายสมชายในข้อหาฆ่าผู้อื่น ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อคดีลดลง 1 ใน 3 คงเหลือโทษจำคุก 33 ปี 4 เดือน โดยให้นับต่อจากคดีแดงเลขที่ 90/2559

ส่วนนางพรชนก จำเลยที่ 2 โจทก์ไม่สามารถหาพยานหลักฐานมาแสดงได้ว่าจำเลยที่ 2 มีส่วนร่วมเกี่ยวข้องและโจทก์ไม่มีหลักฐานว่าจำเลยที่ 2 รู้ว่านายคาซึโตชิ ทานากะ มีเงินประกันมาก่อน ถึงแม้จะมีข้อพิรุธเรื่องการสั่งไม่ให้คนอื่นบอกว่านายสมชายอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่จากการสืบพยานก็เป็นหลังจากนายคาซึโตชิเสียชีวิตแล้ว จึงไม่มีข้อพิสูจน์ถึงแรงจูงใจในการฆ่าได้ ประกอบกับจำเลยที่ 2 ให้การ ปฏิเสธมาโดยตลอด ยกประโยชน์แห่งความสงสัย ศาลยกฟ้องนางพรชนกในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

นางจินตนา ณะสุโห อายุ 63 ปี มารดานางเค็กโกะเปิดเผยว่า หลังฟังคำพิพากษาแล้วส่วนหนึ่งรู้สึกพอใจ แต่อีกส่วนหนึ่งก็รู้สึกเสียใจ หลังจากนี้จะดำเนินการต่อไปอย่างไร ต้องรอพูดคุยปรึกษากับบุตรสาวก่อนเพราะตอนนี้บุตรสาวเดินทางไปต่างประเทศ

ส่วนนายจรินทร์ ภิคุปต์ ทนายความจำเลยเปิดเผยว่า ตอนนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับจำเลยทั้ง 2 คน จึงยังไม่ทราบว่านายสมชายจะยื่นอุทธรณ์ในเรื่องของคำพิพากษาหรือไม่ หลังจากนี้จะเข้าพูดคุยกับลูกความอีกครั้ง