ตร.แกะรอยวงจรปิด พบชายต้องสงสัย ขี่ฮอนด้าเวฟ หิ้วถุงดำซุกทารก 4 ศพ คาดเหยื่อทำแท้งเถื่อน ทิ้งถังขยะที่หัวหิน เร่งตามตัวสอบขยายผล สาวรีดลูกอีก 4 คน โดนด้วย ...
จากกรณีที่มีคนขับรถเก็บขยะเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบฯ พบศพเด็กทารก รวม 4 ศพ ถูกยัดใส่ถุงพลาสติกดำโยนทิ้งถังขยะ ข้างร้านสะดวกซื้อ ในหมู่บ้านรวมสุข ถนนคันคลองชลประทาน เขตเทศบาลเมืองหัวหิน เมื่อวันที่ 13 ก.พ.61 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. ของวันที่ 14 ก.พ.61 พล.ต.ต. พัฒนา เพศยนาวิน ผบก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ทองงามตระกูล รอง ผบก.ประจวบฯ ประชุมร่วมกับ พ.ต.อ.สิทธิชัย ศรีโสภาเจริญรัตน์ ผกก.สภ.หัวหิน พร้อมด้วยชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัด ที่ห้องประชุม สภ.หัวหิน เพื่อเร่งคลี่คลายคดีนี้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นที่สะเทือนใจประชาชนเป็นอย่างมาก และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในพื้นที่อำเภอหัวหิน
ล่าสุดได้รับรายงานว่า ทีมสืบสวนได้ตรวจสอบภาพผู้ต้องสงสัย พร้อมยานพาหนะอย่างละเอียดจากภาพในกล้องวงจรปิด ในจุดที่พบซากทารกและบริเวณใกล้เคียง เป็นคนที่พักอาศัยอยู่ในชุมชนหนองยายอึ่ง ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อกับชุมชนรวมสุข ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ หิ้วถุงขยะสีดำไปทิ้งในถังขยะบริเวณข้างร้านสะดวกซื้อจุดเกิดเหตุ เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ก่อนที่รถเก็บขยะของเทศบาลหัวหินจะพบซาก 4 ทารกดังกล่าว เตรียมขยายผลและรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอหมายค้นและจับกุมให้หมดทั้งขบวนการ รวมทั้งหญิงสาวทั้ง 4 รายที่ทำแท้งด้วย
พ.ต.อ.สิทธิชัย ศรีโสภาเจริญรัตน์ ผกก.สภ.หัวหิน กล่าวว่า ได้รวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม โดยส่งซากทารกทั้งหมดไปสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอและหาสาเหตุว่าซากเด็กมาจากการทำแท้งหรือไม่ เพื่อนำมารวบรวมเป็นหลักฐานในสำนวนการสอบสวนอีกทางหนึ่ง
...
ด้าน นายแพทย์สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ในการพิสูจน์ว่าซากทารกทั้งหมดว่ามาจากการทำแท้งหรือไม่ จะต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันนิติเวชวิทยา เป็นผู้ประเมินความเห็นเพื่อนำไปประกอบสำนวน เนื่องจาก รพ.หัวหิน มีเพียงแพทย์ทั่วไป อาจจะมีปัญหาในการวินิจฉัยเพื่อประกอบคดี
สำหรับคดีนี้หากมีเจ้าหน้าที่ของรัฐหน่วยงานใดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปตามกฎหมายอย่างเต็มที่ ทั้งด้านคดีอาญา และ พ.ร.บ.การประกอบวิชาชีพ หากพบเป็นความผิดก็เข้าข่ายผิดวินัยของข้าราชการพลเรือน และหากพบมีแพทย์เข้าไปมีส่วนร่วมในทางคดี ก็จะต้องรายงานความคืบหน้าถึงแพทยสภา
ส่วนตัวยืนยันว่า จะไม่มีการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่รายใด และหากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะขอความร่วมมือในการสะสางคดีเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายก็มีความพร้อม แต่ขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานประสานงานเพื่อขอความร่วมมือ.