หลังจากตำรวจ บช.ภ.7 ออกแถลงข่าวใหญ่ ผลการคลี่คลายคดีหวย 30 ล้าน ว่า เตรียมแจ้งข้อหา ร.ต.ท.จรูญ วิมูล คู่กรณี ครูปรีชา ใคร่ครวญ ข้อหายักยอกทรัพย์ที่หล่นหายและรับของโจร

เหมือนชี้ให้สังคมเห็นว่า การสืบสวนสอบสวนพบว่า ลอตเตอรี่ เจ้าปัญหาเป็นของครูปรีชาแน่?!?

สังคมต่างวิพากษ์วิจารณ์กันให้แซ่ด?!? เพราะแปลว่าคนที่เดินตัวเปล่าไปแจ้งความร้องทุกข์ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรีว่า ตัวเองทำลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 หาย กำลังจะชนะ!?!

หลักฐานสำคัญชิ้นใหม่ ที่ทำให้ตำรวจภาค 7 มั่นใจนักมั่นใจหนาว่าเชื่อถือได้คือ...พยานบุคคลที่อ้างว่าเดินสวนกับครูปรีชาในตลาด แล้วบังเอิญเห็นลอตเตอรี่หมายเลขดังกล่าวโผล่มาจากกระเป๋า?

เลยเอ่ยปากขอซื้อต่อดื้อๆ!

ใครไม่สงสัยพยานปากนี้ ที่ตาดีเห็นลอตเตอรี่โผล่ออกมาจากกระเป๋าคนอื่น เลยเอ่ยปากขอซื้อ แถมยังจำเลขได้อีก เลยยอมมาเป็นพยานให้ หลังเวลาผ่านไปเป็นเดือนก็ว่าไป?

แต่หลังรับโอนคดีมา กองปราบฯกระโดดจับประเด็นพยานเด็ดของตำรวจภาค 7 ทันที ตรวจสอบละเอียดยิบว่า เป็นใคร มาจากไหน มีความสัมพันธ์กับใคร?

ผลปรากฏว่า พยานคนนี้เป็นผู้หญิง พยานคนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ศาลดูแล้วน่าเชื่อถือ...

แต่พยานปากนี้เป็นเมียตำรวจ?

เมื่อชุดสืบสวนเจาะลึกลงไปถึงฐานที่อยู่ตามคำให้การ เบื้องต้นพบว่า ห้วงเวลาที่ให้การว่าพบครูปรีชา ไม่สอดคล้องกัน!

พูดง่ายๆคือ วันเกิดเหตุไม่พบกันเลย...

แต่ยังต้องตามหาหลักฐานอื่นมายันให้แน่น ทั้งหลักฐานการตอกบัตรเข้าออกที่ทำงาน โดยเฉพาะสัญญาณอินเตอร์เน็ตจากโทรศัพท์มือถือที่เราเล่นกันอยู่ทุกวันนี้

มันระบุได้อย่างแม่นยำว่า เราอยู่ที่ไหน เมื่อไหร่ ไปทำอะไรมาบ้าง?

ไม่อยากฟันธงว่า สถานการณ์ของฝ่ายครูปรีชาเป็นยังไง เพราะนี่เป็นเพียงการเริ่มต้นรวบรวมพยานหลักฐานเท่านั้น

...

แต่ที่หวาดเสียวคือ ตัว“พยาน”ทั้งหลายแหล่ มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วอย่างคดี “ครูแพะ”

พากันเสียชื่อเสียง...หน้าที่การงาน...แถมติดคุก...คุ้มกันหรือเปล่าไม่รู้?

สหบาท