อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯลงนามออกใบอนุญาตให้ “หมอแสง” เป็น “หมอพื้นบ้าน” แล้วหลังส่งเอกสารครบ อุปนายกมะเร็งวิทยาฯ เตือนผู้ป่วยมะเร็งอย่าทิ้งการรักษาแพทย์แผนปัจจุบัน เหตุเสียโอกาสในการรักษาให้หายขาด ชี้สมุนไพรจากธรรมชาติมีประโยชน์แต่ก็มีโทษและหมอแสงได้เป็นหมอพื้นบ้าน ไม่ได้การันตีว่ายารักษามะเร็งได้ ด้านหมอแสงบอกจบหรือไม่จบก็ไม่เป็นไร “บิ๊กแจ๊ด” แฉมูลนิธิมงคล-จงกล ธูปกระจ่าง ของตนที่รักษาผู้ป่วยทางเลือก โดนกันท่าแบบเดียวกับหมอแสง เจ้าหน้าที่กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกไม่ต่อใบอนุญาตให้ ต้องต่อสู้เป็นเวลานานจนได้ใบอนุญาต จวกควรสนับสนุนดีกว่าจะมาจ้องจับผิด
ใกล้จบลงแล้วสำหรับการเป็นหมอพื้นบ้านของ “หมอแสง หรือนายแสงชัย แหเลิศตระกูล” โดยเมื่อวันที่ 7 ก.พ. นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน นายแสงชัยส่งเอกสารที่ยังขาดอยู่ 2 ชิ้น คือ เอกสารการยอมรับของคนในชุมชนที่ไม่น้อยกว่า 10 คนขึ้นไป และเอกสารการยอมรับของโรงพยาบาลส่งเสริม สุขภาพตำบล เมื่อเอกสารครบแล้ว นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ จึงได้ลงนามเซ็นออกใบรับรองให้แก่ นายแสงชัยเป็นหมอพื้นบ้านแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การออกใบรับรองอย่างรวดเร็ว กังวลหรือไม่ว่าจะทำให้สังคมคิดว่าเกรงกลัวต่อเส้นตายของนายแสงชัย ว่าจะไม่แจกแคปซูลสมุนไพรให้ประชาชน นพ.ปราโมทย์กล่าวว่า ไม่กังวล และไม่ใช่จะไม่ให้ใบรับรองกับนายแสงชัย แต่เพราะขาดเอกสาร 2 ชิ้นประกอบการพิจารณา เมื่อครบถ้วนแล้วอธิบดีก็ลงนาม อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าได้ใบรับรองการเป็นหมอพื้นบ้านแล้วจะจบ เพราะการออกใบรับรองหมอพื้นบ้าน เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติและยกระดับหมอพื้นบ้านที่มีความรู้ความสามารถในการส่งเสริมและดูแลสุขภาพของประชาชนในท้องถิ่น แต่ต้องดำเนินการมาไม่น้อยกว่า 10 ปีด้วยภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยหรือการแพทย์พื้นบ้านและต้องไม่ทำเชิงพาณิชย์ หากผิดหลักเกณฑ์เงื่อนไขก็ถอดถอนใบรับรองได้
...
เมื่อถามว่า นายแสงชัยได้เป็นหมอพื้นบ้านที่เชี่ยวชาญด้านใด นพ.ปราโมทย์กล่าวว่า การออกใบรับรองหมอพื้นบ้าน ไม่ได้บอกว่ามีความเชี่ยวชาญสาขาไหน ไม่เหมือนแพทย์ที่มีใบประกอบโรคศิลปะ หากหมอพื้นบ้านต้องการความเฉพาะด้าน หรือต้องการใบอนุญาตเป็นแพทย์แผนไทยก็ต้องเป็นไปตามหลักสูตร มีการศึกษาตามสถาบันการศึกษา มีใบรับรองออกมา หรือในกรณีหมอพื้นบ้านที่อายุมากแล้ว อาจไม่สามารถไปสอบใบอนุญาตได้ ก็จะมีอีกวิธีในการประเมินตามประสบการณ์ ซึ่งมีหลักเกณฑ์ต่างๆอีก ที่ผ่านมามีผู้ที่ผ่านการประเมินไปประมาณ 100 กว่าคน แต่ทั้งหมดก็จะต้องมีระบบในการยอมรับ
ด้าน นพ.วิโรจน์ ศรีอุฬารพงศ์ อุปนายกมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงโรค มะเร็ง ว่า เป็นโรคที่ไม่ได้ใช้วิธีการรักษาด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งเท่านั้น ไม่กังวลว่าจะไม่มีผู้ป่วยมารักษากับแพทย์แผนปัจจุบัน แต่สิ่งกังวลคือผู้ป่วยที่มีโอกาสหายขาดด้วยวิธีการรักษาด้วยการแพทย์มาตรฐาน เสียเวลาไปรักษากับแพทย์ทางเลือก โรคมะเร็งแต่ละชนิดจะใช้วิธีการรักษาที่แตกต่างกัน ดังนั้นจะระบุว่ายาชนิดเดียวสามารถรักษาได้ทุกโรคนั้น เป็นไปได้ยากมาก หากผู้ป่วยผ่านการรักษาจากแพทย์แผนปัจจุบัน จนจบขั้นตอนแล้วไปรับการรักษาจากแพทย์ทางเลือก แน่นอนว่าจะรู้สึกดีขึ้น เพราะเป็นธรรมชาติของการฟื้นฟูร่างกาย แต่ขณะเดียวกัน หากผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งในระยะท้ายๆแพทย์วินิจฉัยว่าไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้แล้ว ตนก็เชื่อว่าต่อให้ไปรับการรักษาทางเลือกก็คงไม่มีทางที่จะดีขึ้นได้ แต่อาจจะดีขึ้นโดยจิตใจในช่วงหนึ่งเท่านั้น
นพ.วิโรจน์กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีผู้ป่วยระบุว่าทานยาจากแพทย์ทางเลือกแล้วกินอิ่ม นอนหลับต้องดูในระยะยาว ทั้งนี้ ผู้ป่วยมะเร็งน่าสงสาร เพราะอยากหาสิ่งที่เป็นกำลังใจและทางออกตรงนี้อาจเป็นช่องว่างให้ถูกหลอก กรณีนายแสงชัยเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยสมัครใจไปรับ ถึงแม้นายแสงชัยจะได้รับอนุญาตให้เป็นหมอพื้นบ้าน แต่ไม่ใช่ว่ายาจะได้ขึ้นทะเบียนเป็นยารักษาโรคมะเร็ง เพราะการจะเป็นยาได้ต้องมีการศึกษาวิจัยที่ชัดเจน แต่ที่สำคัญคือ ยาตัวเดียวคงไม่สามารถรักษาได้ครอบจักรวาล อยากย้ำกับผู้ป่วยว่าถึงแม้ผู้ป่วยมะเร็งจะหมดหวัง แต่ไม่จำเป็นต้องไปลองทุกอย่างที่มีอยู่ เพราะถึงแม้จะเป็นสมุนไพรที่มาจากธรรมชาติ แต่อย่าลืมว่าสิ่งที่มาจากธรรมชาติแล้วเป็นอันตรายต่อชีวิตก็มี กรณีนายแสงชัย หากผู้ป่วยต้องไปเข้าคิวนานเป็นวันได้รับยา 4-8 เม็ด กว่าจะได้ยาอาจเป็นภาระให้เป็นอันตรายกับโรคมากขึ้นก็ได้ ที่สำคัญทุกคนมีโอกาสในการรักษาเพราะแม้แต่สิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรคยังครอบคลุมการรักษาโรคมะเร็ง ทั้ง เคมีบำบัดและฉายแสง รวมถึงยาบางตัวด้วย
ด้านความเคลื่อนไหวของ “หมอแสง” เจ้าของตำรับยาฆ่ามะเร็งอันลือลั่น หลังเกิดความท้อใจเรื่องการขึ้นทะเบียนเป็นหมอพื้นบ้านและได้โวยอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ที่ไม่รับรองเป็นหมอพื้นบ้าน ทั้งที่ส่งเอกสารครบจนเกิดความเสียใจประกาศหยุดผลิตยาต้านมะเร็งนั้น วันเดียวกัน นายแสงชัยเปิดเผยว่า เอกสารที่ขอเพิ่มส่งไปหมดแล้ว ไม่เปิดดูกันเอง จบหรือไม่จบก็ไม่เป็นไร ถ้าไม่จบวันที่ 20 ก.พ. เป็นวันที่จะเริ่มผลิตยา “ไม่ เป็นไรมาช้าเดือนมีนาคมจะต้องหยุด ส่วนผู้ป่วยกลัวช็อกตายขอร้องอย่าเลิก ผมบอกไม่เลิกหรอก”
ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น.และประธานมูลนิธิมงคล-จงกล ธูปกระจ่าง อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ที่เคยประสบปัญหาเช่นเดียวกับหมอแสง ได้รับการเปิดเผยว่า มูลนิธิมงคล-จงกล ธูปกระจ่าง เปิดรักษาผู้ป่วยลักษณะแพทย์ทางเลือก เคยประสบปัญหาเหมือนกับหมอแสง เจ้าหน้าที่กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกไม่ต่อใบอนุญาตให้ ตนต่อสู้มานานจนได้ใบอนุญาต การขอใบอนุญาตแพทย์ทางเลือกยากมาก มีข้อกำหนดจะต้องดำเนินการเพื่อการกุศล ในแต่ละวันจะมีคนไข้เข้ามารักษาเป็นจำนวนมาก มูลนิธิต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเดือนละ 3-4 แสนบาท หากรักษาไม่หายแล้วคนไข้จะมาจองคิวข้ามปีกันทำไม เจ้าหน้าที่ไม่เคยมาสนใจ การรักษาใช้สมุนไพรทำกันอย่างไร มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง แทนที่จะมาสนับสนุนกันกลับมาจ้องจับผิดด้วยซ้ำไป ขอแนะนำให้กรมการแพทย์ฯใช้บุคลากรที่มาจากแพทย์แผนไทยเข้าไปบริหารบ้าง เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ไม่ใช่เสนอแต่แพทย์แผนปัจจุบันเข้าไปบริหารงาน จนทำให้เกิดปัญหามาตลอด