แม่ค้ากะทิสดตลาดประจวบฯ ประสบปัญหาจากมะพร้าวราคาแพง ต้นทุนรวมแล้วลูกละ 26 บาท แต่จำเป็นต้องขายกะทิสดในราคา กก.ละ 60 บาท ขาดทุนนับแสนในระยะเวลาเพียงแค่สามเดือน ชี้หนักหนาสาหัสที่สุดในรอบ 27 ปี วอนหาทางแก้ไข...
จากปัญหาศัตรูมะพร้าวระบาดในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ยาวนานกว่า 10 ปี ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตมะพร้าวลดน้อยลง กระทบต่อราคาจำหน่ายกะทิสด ทำให้แม่ค้ากะทิต้องแบกรับภาระที่สูงขึ้น ที่ไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง แต่ยังไม่กล้าขึ้นราคาเนื่องจากเกรงลูกค้าหาย

นางสุนัน ขาวคง อายุ 57 ปี แผงขายกะทิสด “เจ๊จอย กะทิสด” ตลาดสดเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า จากต้นทุนในปัจจุบันที่สูงขึ้น เนื่องจากราคามะพร้าวหน้าสวนขยับขึ้นตลอดเวลาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ผลผลิตมะพร้าวมีน้อยลง เพราะถูกศัตรูพืชทั้งหนอนหัวดำและแมลงดำหนามเจาะทำลายต้นมะพร้าว ทำให้วัตถุดิบมีราคาสูงขึ้น
ปัจจุบัน ราคามะพร้าวขนาดใหญ่ซื้อที่หน้าสวนตกลูกละ 23 บาท มีต้นทุนเพิ่มคือ ค่าขนส่ง ค่าปอกเปลือกมะพร้าว และค่ากะเทาะกะลา รวมอีกลูกละ 3 บาท เป็น 26 บาท ซึ่งเนื้อมะพร้าวที่ผ่านการซึกหรือการขูดมะพร้าว 1 กิโลกรัม จะต้องใช้ลูกมะพร้าวถึง 2 ลูก เท่ากับต้นทุนกิโลกรัมละ 52 บาท ยังไม่นับค่าแรง ค่าน้ำ ค่าไฟ
...

ประกอบกับจำนวนแม่ค้ากะทิสดในตลาดสดเทศบาลที่มีกว่า 10 ราย และแม่ค้าตามตลาดนัดอีกกว่า 10 ราย จึงทำให้ปริมาณการจำหน่ายกะทิสดในแต่ละวันลดลง ทั้งนี้ ต้นทุนที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาจำหน่ายขยับจากกิโลกรัมละ 55 บาท ซึ่งยืนพื้นมานานกว่า 2 ปี เป็น 60 บาท ในขณะที่ต้นทุนที่สูงขึ้นจำเป็นต้องตั้งราคาที่สะท้อนความจริงคือ กิโลกรัมละ 70 บาท แต่เนื่องจากมีการแข่งขันสูง และแม่ค้าส่วนใหญ่ยังไม่ยอมขึ้นราคาเกรงเสียลูกค้า จึงจำต้องยอมขายในราคาที่แทบไม่ได้กำไร ในขณะที่อำเภอทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกมะพร้าวมากที่สุดในประเทศ กลับขายกะทิกิโลกรัมละ 70 บาท
นางสุนัน กล่าวว่า ตั้งแต่ขายกะทิสดมากว่า 27 ปี ครั้งนี้เป็นราคาขายและต้นทุนสูงที่สุด จำใจต้องขายในราคานี้ ทั้งๆ ที่อยากขึ้นราคาเป็น 65 บาท แต่ในเมื่อแม่ค้ารายอื่นไม่ยอมขึ้น ก็ไม่สามารถขึ้นได้ เคยขาดทุนจากการแบกรับต้นทุนกว่า 1 แสนบาทในระยะเวลา 3 เดือน จะลดคุณภาพก็ไม่ได้ เพราะสงสารลูกค้า ที่สำคัญต้องซื่อสัตย์ต่ออาชีพ ทำกะทิให้มีคุณภาพใหม่สดตลอดเวลา.