กำลังเป็นกระแสพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง กรณี หมอแสง นายแสงชัย แหเลิศตระกูล แจกสมุนไพรแก้โรคมะเร็งฟรีที่บ้านในอ.เมืองปราจีนบุรี มาแล้ว 9 ปี จนคนมามากนับหมื่น ก่อปัญหาด้านการจราจร การไปขอลงบันทึกประจำวันที่สภ.อ.เมืองปราจีนบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ราชการ ที่สำคัญมีคำถามในเรื่องความถูกต้องของการขึ้นทะเบียนยา ผลิตภัณฑ์ และผู้ผลิต

วันที่ 9 พ.ย.ภายหลังนายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือ ‘หมอแสง ปราจีน’ ยอมเปิดสูตรสมุนไพรแก้มะเร็งกับทีมข่าวพร้อมกับเปรยว่า ยื่นขอจดทะเบียนแล้วหลายคร้ัง แต่มีปัญหา ติดขัดเรื่องระเบียบและข้อกฎหมายหลายอย่าง จนเริ่มน้อยใจ และถามกลับว่า ขายสูตรให้ฝรั่งเลยดีไหม เพราะมีคนติดต่อมาเยอะ คนไทยไม่ต้องกินแล้วของฟรี ตามไปซื้อกับฝรั่ง เม็ดละ 2-3 พันบาท 

...

1. เปิดสูตรไม่ลับ-เคล็ดลับอยู่ที่การผสมผสาน

ขณะเดียวกันมีการเปิดเผยส่วนผสมของยาสมุนไพร แก้โรคมะเร็ง ประกอบด้วย วัตถุดิบหลัก คือ รำข้าว 80% เป็นรำข้าวที่ร่อนเอาของไม่ดี เศษแกลบออก ส่วนอีก 20% เป็นข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ เห็ดกระถินพิมาน เกสรพิลันกาสา สูตรจริงๆ ก็มีแค่นี้ มีไม่เยอะ อยู่ที่การผสมผสาน ใช้รำข้าวเป็นวัตถุตั้งต้น ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ เห็ดกระถินพิมาน เกสรพิลันกาสา เราผสมแต่ละตัวก่อนจนกว่าจะครบ 6 เดือน ก็นำมาผสมในรำข้าว เคล้าให้เข้ากัน ปั่นให้เข้ากันให้ได้ แล้วนำมาอัดแคปซูล

2. พบผู้ป่วยมะเร็งใหม่ปีละ 1.2 แสนคน ตาย 7 หมื่น

ด้านนพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่าปัจจุบันประเทศไทยพบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ประมาณ 1.2 แสนคน โดยมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งปีละประมาณ 7 หมื่นคน ดังนั้นสมุนไพรดังกล่าวจึงถือเป็นความหวังของประชาชน ในกรณีของนายแสงชัย กรมฯ ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่าจะดำเนินการใน 3 เรื่อง ได้แก่

1. ทำให้การจ่ายสมุนไพรถูกต้องตามกฎหมาย โดยในเรื่องของผู้ให้บริการ จะต้องหาผู้ประกอบวิชาชีพเช่นมีแพทย์แผนไทยไปประจำการค่อยตรวจวินิจฉัยก่อนจ่ายสมุนไพรดังกล่าว ส่วนตัวของนายแสงชัยเอง ก็ต้องมีการขอประเมินหรือพิจารณาให้ได้เป็นหมอพื้นบ้าน

2. สถานที่ในการแจกสมุนไพรนั้น ต้องทำให้ถูกต้อง เช่น จ่ายในโรงพยาบาลหรือคลินิก ซึ่งต้องมีการขอเปิดให้บริการอย่างถูกต้อง

3. ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ต้องมี อย.

ผลิตภัณฑ์ที่นำมาทำเป็นส่วนผสมของสมุนไพรต้องมีการทำให้ถูกต้อง ด้วยการขอขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไม่ว่าจะขอเป็นยา แผนโบราณ หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เป็นต้น อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือต้องมีการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชนเกี่ยวกับการใช้สมุนไพร

4. ยาหมอแสงไม่มีสเตียรอยด์

นพ.ปราโมทย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังจะต้องมีการทำวิจัยและตรวจสอบสมุนไพรเพื่อความปลอดภัยของประชาชน โดยที่ผ่านมาทางจังหวัดได้มีการเก็บสมุนไพรดังกล่าวไปตรวจสอบ ซึ่งไม่พบสารสเตียรอยด์หรือสารที่ทำให้อยากอาหาร แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าปลอดภัยจริงหรือไม่ เนื่องจากต้องตรวจเพิ่มเติมว่าในผลิตภัณฑ์มีแบคทีเรียหรือมีโลหะหนักปนเปื้อนหรือไม่ รวมทั้งต้องประเมินผลการรับประทานสมุนไพรดังกล่าวว่าในระยะยาวจะมีผลต่อร่างกายหรือไม่ รวมทั้งต้องทำวิจัยเพิ่มเติม โดยมีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นคนรับเรื่องนี้ไปดูแล

...

5. ต้องให้สถาบันมะเร็งแห่งชาติช่วยวิจัยก่อน

ทั้งนี้ ยังต้องทำการศึกษาสรรพคุณของสมุนไพรทุกชนิดด้วยหากนำมารวมกันแล้วจะมีพิษต่อร่างกายหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาสมุนไพรแต่ละตัวอาจพบว่ามีสารต้านแอนตีออกซิแดนท์ ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ แต่ก็เป็นเพียงผลการทดลองในหลอดทดลองเท่านั้น แต่ยังไม่มีการทดสอบในคนว่าจะได้ผลหรือไม่ และเหมาะกับโรคมะเร็งชนิดใด ดังนั้น จึงได้ประสานกับสถาบันมะเร็งแห่งชาติให้ช่วยทำวิจัยและเก็บข้อมูลเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะทราบผลภายใน 1-2 เดือน

6. หมอแสง เคยยื่นขึ้นทะเบียนในนามหน่วยงาน

ขณะที่ นายวิชาญ ชำนาญกุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า ตามที่ฟังจาก นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เรื่องขอขึ้นทะเบียน อย.สมุนไพรของนายแสงชัยนั้น พรรคพวกเคยให้ยื่นจดทะเบียน อย.แล้วแต่ยื่นในนามหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง ซึ่งมารู้ทีหลังว่าหน่วยราชการนั้นไม่มีชื่อนายแสงชัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ตนก็เลยบอกว่าสิ่งที่นายแสงชัยทำอยู่ที่บ้านไม่ได้ผิดเสียทีเดียว แต่ถ้ายื่นให้ถูกต้องแล้วสถานที่ผลิตอยู่ที่อื่นนายแสงชัยมาผลิตอยู่ที่บ้านจะผิด 100 % ซึ่งตอนนั้นก็ได้ไปถอนเรื่องออกมาแล้ว

7. ทางเลือกแรก ยื่นประเมินเป็นหมอพื้นบ้าน

นายวิชาญ กล่าวว่า จะเห็นว่า กรณีนี้มีแนวทางปฏิบัติ 3 ทางคือ กรณีแรกให้นายแสงชัย ผ่านการประเมินเป็นหมอพื้นบ้าน ตอนนี้กำลังทำรายละเอียดกำลังรวบรวมคนที่มีค่ามะเร็งคือค่าเลือดสูงเท่าไร หลังกินสมุนไพรไปแล้วกี่เดือนตามความเป็นจริงแล้วไปตรวจเลือดค่าเลือดลดลงเหลือเท่าไร ซึ่งตรวจจากสถาบันการแพทย์เป็นคนตรวจ จะรวบรวมเอกสารทั้งหมดไปขึ้นทะเบียนแพทย์แผนไทยให้นายแสงชัย ซึ่งการแจกต้องแจกในโรงพยาบาลหรือคลินิกที่เปิดบริการ ก็มีคำถามตามมาว่ามีไหมที่โรงพยาบาลหรือคลินิกที่ไหนแจกยาฟรีบ้าง เขาเอากฎหมายอะไรมาเขียนว่า ต้องทำอย่างนั้น

...

 

8. ถ้าเอายาไปวิจัย จะถูกนำไปต่อยอดหรือไม่

กรณีที่สาม ส่วนผสมสมุนไพรที่แจกต้องขึ้นทะเบียน อย. ถามว่า นายแสงชัย ซึ่งทำงานรัฐวิสาหกิจส่วนตัวขึ้นทะเบียนได้ไหม ถ้าได้แนะนำมาว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ถ้าไม่ได้ เรายื่นไปแล้วสูตรของเราจะถูกลอกเลียนแบบหรือไม่ เพราะอยากทำให้ถูกต้องอยู่ในตระกูลของนายแสงชัย ไม่ใช่ว่าหน่วยงานเอามาวิจัยพอนายแสงชัยทำไม่ได้ หน่วยงานก็เอาภูมิปัญญาของนายแสงชัยไปต่อยอด อย่างนี้เป็นธรรมต่อนายแสงชัยหรือไม่

9. ชี้เหตุขึ้นทะเบียนเป็น ‘อาหารเสริม’ ไม่ได้

กรณีถ้าจะทำเป็นอาหารเสริม พืชต้องมีชื่อท้ายประกาศพระราชกฤษฎีกา แต่ของนายแสงชัยไม่มีพืชตามนั้น แต่มีพืชเป็นตัวยา อาหารเสริมก็เลยทำไม่ได้ แต่ยาแผนโบราณน่าจะทำได้ ถ้าได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยหรือแพทย์ทางเลือก

10. ยืนยันผู้ป่วยกินยาแล้วค่าเลือดต่ำ 

“เมื่อเดือนที่แล้วเราได้คนไข้ที่มีค่าเลือดสูง กินสมุนไพรแล้วค่าเลือดต่ำ 22 ราย แล้วเดือนหน้าจะรวบรวมอีก เมื่อตรวจเอกสารแล้วก็จะแจกยาไปเลย คนป่วยเหล่านี้อยู่ในโครงการที่เราจะยื่นขอขึ้นทะเบียน อยู่ที่ว่า กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกจะเอากี่ราย เราสามารถหามาให้ได้” นายวิชาญ กล่าวในที่สุด.

...