เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 6 พ.ย. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้ากรณี นายกิตติ กลิ่นเกลี้ยง หรือกิตติ ดัสกร อายุ 67 ปี น้องชายดามพ์ ดัสกร นักแสดงตัวดาวร้ายชื่อดัง ซึ่งล่าสุดป่วยเป็นอัมพฤกษ์ เดินไม่ได้ และมีขยะเต็มบ้าน 

โดย น.ส.ศศิประภา รุ่งมงคล อายุ 28 ปี อดีตภรรยา กล่าวว่า เคยอยู่กินเป็นสามีภรรยากับนายกิตติมาสิบปี มีบุตรด้วยกัน 2 คน ผู้หญิงคนโต 10 ขวบ ผู้ชาย 4 ขวบ แต่ได้แยกกันอยู่ 2 ปีแล้ว ส่วนขยะที่เห็นมีมานานแล้ว นายกิตติไม่ยอมให้ทิ้ง ช่วงที่ นายกิตติไม่สบาย เดินไม่ได้ ก็หาซื้อของมาให้กิน แต่ตนไม่ค่อยมีรายได้ จึงโพสต์ไปในโลกโซเชียลว่าเป็นหลาน ขอความช่วยเหลือเรื่องความเป็นอยู่ของนายกิตติ ส่วนตัวอยากเข้ามาดูแลและช่วยเหลือ เพราะนายกิตติไม่มีใคร และสงสารเขาด้วย โทรไปบอกญาติพี่น้องเขาก็ไม่มีใครสนใจเลย

ด้าน นายสมยศ วิชากร นายอำเภอไทรน้อย กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวจึงได้ประสานไปยัง นายหยด เอี่ยมอาจ นายก อบต.ไทรน้อย ส่งเจ้าหน้าที่มานำขยะที่อยู่ภายในบ้านและนอกบ้านออกไป เก็บกวาดบริเวณบ้าน ตัดหญ้าและพ่นหมอกควัน เพื่อกำจัดยุง โดยที่บ้านหลังดังกล่าวมีเด็กอยู่หลายคน รวมถึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนนทบุรี เข้าให้ความช่วยเหลือแล้ว พร้อมทั้งให้ เจ้าหน้าที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้ความช่วยเหลือและดูแลอย่างต่อเนื่อง

นายเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ ดารานักแสดงชื่อดัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู กล่าวว่า หลังจากที่ได้เข้ามาเก็บกวาดข้าวของภายในบ้าน และนำที่นอนขนาด 6 ฟุตครึ่งมาให้ สำหรับเด็กทั้ง 4 คน เพราะสงสารเด็กๆ จะได้มีที่นอน และของพี่กิตติ ชั้นวางของ และน้ำ อาหารสำเร็จรูป มามอบให้ ส่วนเรื่องการรักษา ตัวของพี่กิตติ จะนำตัวไปรักษากับหมอแผนปัจจุบัน เพราะที่ผ่านมาไม่ได้รับการรักษา ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาลจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ โดยมีเพื่อนดาราด้วยกันร่วมแสดงความช่วยเหลือมาแล้วในขณะนี้ แต่ในส่วนตัวของพี่กิตติ จะไปรักษากับหมอพื้นบ้านด้วย ก็จะพาไปเช่นกัน โดยหลังจากนี้ก็จะแวะเวียนมาดูบ่อยๆ ส่วนเรื่องจะเปิดบัญชีขอความช่วยเหลือนั้น ต้องหลังจากนี้ไป ว่าจะให้ใครเข้ามาดูแล

...

ทางด้าน นายกิตติ กลิ่นเกลี้ยง หรือกิตติ ดัสกร รู้สึกดีใจที่หลายๆ ฝ่ายเดินทางเข้ามาช่วยเหลือตนในครั้งนี้ โดยเฉพาะ นายเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ และ นายสมยศ วิชากร นายอำเภอไทรน้อย พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณทุกท่านที่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้.