ปลอดภัย!! ผบก.จร.เข้าเยี่ยมนายดาบกระดูกเหล็ก ที่ถูกคนร้ายมีคดีติดตัวเพียบ ชัก.38 ยิงหน้าท้องขณะทำหน้าที่สกัดจับกุมเด็กแว้น จนได้รับบาดเจ็บ ล่าสุดได้นำตัวส่งรักษาต่อที่ รพ.ตำรวจ พร้อมทำเรื่องเสนอ บช.น. และ สตช.เพื่อพิจารณาขอความช่วยเหลือตามสิทธิ...
จากกรณี ด.ต.ธนพล ทองเรือง ผบ.หมู่งานสายตรวจ 3 กก.1 บก.จร. ซึ่งถูก นายรังสรรค หรือ แด้ สุดโต อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาคดียาเสพติด และมีหมายจับคดีพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตัว ใช้อาวุธปืนขนาด .38 ยิงใส่ที่หน้าท้องซีกขวา กระสุนเฉี่ยวม้าม ได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดสกัดจับกุมเด็กแว้นบริเวณใต้สะพานต่างระดับเอกชัย ถนนกาญจนาภิเษกฝั่งมุ่งหน้าพระราม 2 เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยหลังก่อเหตุ นายรังสรรค ก็ถูกเพื่อนๆ ตำรวจที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยกันกับ ด.ต.ธนพล เข้าชาร์จจับกุมตัวได้พร้อมของกลางยาบ้า 600 เม็ด ไอซ์ 1 กรัม และอาวุธปืนนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน ตามที่นำเสนอข่าวแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 2 ก.ค. พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. ดูแลควบคุมงานด้านการจราจร ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบก.จร. และ พ.ต.อ.ธีระ เถระพัฒน์ ผกก.1 บก.จร.ในฐานะผู้บังคับบัญชาตรงของ ด.ต.ธนพล เดินทางไปเยี่ยมอาการผู้ได้รับบาดเจ็บที่ห้องไอซียู รพ.บางปะกอก 8 โดยมี นางวิไลลักษณ์ ทองเรือง อายุ 42 ปี ภรรยาของ ด.ต.ธนพล พร้อมด้วยลูกๆ และญาติพี่น้องที่ทราบข่าวสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาเฝ้าบริเวณหน้าห้องไอซียูตลอดทั้งวัน โดยทุกคนเริ่มมีรอยยิ้มและแสดงความดีใจ เมื่อทราบว่าอาการล่าสุดของ ด.ต.ธนพล นั้นปลอดภัย และทางผู้บังคับบัญชาได้ติดต่อประสานงานกับทีมแพทย์ รพ.บางปะกอก 8 ว่า จะส่งตัว ด.ต.ธนพล ไปพักฟื้นเฝ้าดูอาการต่อที่ รพ.ตำรวจ
...
นางวิไลลักษณ์ กล่าวว่า เมื่อคืนหลังจากที่สามีถูกยิงก็มีเพื่อนๆ ข้าราชการตำรวจโทรศัพท์มาบอกข่าว จากนั้นตนและลูกชายคนโตกับลูกสาวคนเล็ก จึงรีบเดินทางมาจากบ้านพักย่านหนองแขม มาที่โรงพยาบาลทันที ที่ผ่านมา สามีไม่เคยต้องประสบอันตรายจากการจับกุมคนร้ายแบบนี้ โชคดีที่กระสุนของ นายรังสรรค ผู้ก่อเหตุ ซึ่งยิงใส่ไม่ได้ถูกอวัยวะสำคัญ ถ้าไม่เช่นนั้นตนต้องลำบากแน่ เนื่องจากสามีเป็นกำลังหลักของครอบครัว ส่วนตนเป็นแม่บ้านดูแลลูก อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้หากอาการทุเลาจนหายเป็นปกติแล้ว ตนและลูกๆ จะคอยย้ำเตือนให้สามีระมัดระวังตัวเองให้ดีขึ้น อย่าประมาท เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ก็เกิดจากความหวังดีที่สามีอุตส่าห์เดินไปถามคนร้ายด้วยความห่วงใยว่า รถ จยย.เป็นอะไร ทำไมต้องเข็นจูงขึ้นมาบนบาทวิถี แต่พอคนร้ายเห็นตำรวจก็ยิงใส่ทันทีในจังหวะที่สามีไม่ได้ทันระวังตัว
ด้าน พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมาเยี่ยมเยียนผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมประสานกับทาง รพ.บางปะกอก 8 ว่า จะนำตัว ด.ต.ธนพล ไปรับการรักษาต่อที่ รพ.ตำรวจ รู้สึกดีใจที่แพทย์ระบุว่าเจ้าตัวพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องรอพักฟื้นบาดแผลให้หายดี ส่วนเรื่องความช่วยเหลือนั้น ทางผู้บังคับบัญชาจะสนับสนุนเงินค่ารักษาในเบื้องต้นให้ทั้งหมด และได้ทำรายงานเสนอต่อ บช.น. และ สตช.ไปแล้วเพื่อพิจารณาขอรับความช่วยเหลือตามสิทธิที่ ด.ต.ธนพล พึงได้รับ เนื่องจากเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติหน้าที่ ที่สำคัญยังมีส่วนให้ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายรายสำคัญได้อีกด้วย
โดยประวัติของ นายรังสรรค ก็พบว่าไม่ธรรมดา กำลังหลบหนีหมายจับพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน หลังก่อเหตุยิงใส่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ท่าข้าม ขณะเข้าจับกุมคดียาเสพติดมาครั้งหนึ่งเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา นอกจากนั้น นายรังสรรค ยังเคยต้องโทษคดีครอบครองยาเสพติดเข้าออกเรือนจำมาแล้วถึง 3 ครั้ง หลังจากนี้พนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน ก็จะแจ้งข้อหาดำเนินการตามกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป
“สำหรับแนวทางการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรหลังจากนี้ ตนได้กำชับให้ทุกนายระมัดระวังตัวให้มากยิ่งขึ้น การเข้าสกัดหรือหยุดรถที่จุดสกัดตามท้องถนนจะต้องมีความเข้มข้นทางยุทธวิธีทุกภารกิจ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้วว่า คนร้ายไม่เกรงกลัวตำรวจ หนำซ้ำพร้อมต่อสู้ได้ตลอดเวลา ส่วนเรื่องการทำงานยามปกติที่ค่อนข้างแตกต่างจากตำรวจสายตรวจ หรือตำรวจฝ่ายสืบสวน เนื่องจากตำรวจจราจรออกปฏิบัติหน้าที่บนท้องถนนเพียงลำพังนายเดียว กำลังประสานขอความช่วยเหลือจากครูฝึกอรินทราช 26 บก.สปพ.บช.น. ให้เข้ามาช่วยอบรมกำลังพลด้านการใช้อาวุธปืน การใช้ยุทธวิธีที่ถูกต้องเพื่อลดการเกิดอันตรายต่อกำลังพลให้ได้น้อยที่สุด ซึ่งจะเป็นการเพิ่มทักษะด้านการใช้อาวุธให้ตำรวจจราจรมากขึ้นอีกด้วย” พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าว.