เรียกว่าเป็นคลิประทึกกลางกรุง สำหรับ การบุกเข้าจับกุมตัว นายอินทระศักดิ์ เตชธีรสิริ หรือ “บอย ยูนิตี้” กรรมการบริษัทเอสทีที ออโต้ เซอร์วิส จำกัด เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ทำเอาหลายคนยัง งงๆ อยู่ โดยเฉพาะเจ้าตัว
“ยังงงๆ อยู่ ที่ถูกจับไม่ทันตั้งตัว และเห็นว่าตำรวจสามารถออกหมายเรียกได้ โดยยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ก็พร้อมให้ความร่วมมือ”
หากมองย้อนกลับไปก่อนที่จะถูกจับ “บอย” ได้ยื่นฟ้องกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ บุกค้นโชว์รูมหลายแห่งเพื่อเดินหน้าทำคดีรถหรูเลี่ยงภาษี ซึ่งรถหรูของบริษัท เอสทีที ออโต้ เซอร์วิส ก็ถูกเจ้าหน้าที่อายัดไว้ด้วย ด้วยเหตุนี้ เจ้าตัวจึงได้ให้ทนายความฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ 50 ล้านบาท


...
นายอินทระศักดิ์ กล่าวในวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า รถยนต์ทั้งหมดจำนวน 34 คันที่ถูกดีเอสไอกล่าวหาว่ามีการนำเข้าโดยผิดกฎหมายนั้น ตนได้มีการแสดงราคาอย่างถูกต้องตามหลักการการประเมินของคณะกรรมการภาษีอากรกรมศุลกากร ที่จะมีการเทียบราคากลางจากเว็บไซต์บริษัทผู้ผลิต โดยทางบริษัทนำเข้าได้ว่าจ้างบริษัท ชิปปิ้ง เป็นผู้ดำเนินการเรื่องเอกสารและพิธีการทางศุลกากร ซึ่งรถยนต์ 1 คันจะต้องมีการเสียภาษีร้อยละ 328”
“วันนี้ผมจึงดำเนินการฟ้องดีเอสไอในข้อหา "ละเมิด" และเรียกร้องค่าเสียหาย 50 ล้านบาท เนื่องจากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเนื่องจากนำกำลังและรถยนต์มาปิดหน้าทางเข้าโชว์รูมรถทั้ง 2 ที่ของผม โดยไม่มีหมายจากศาลแต่อย่างใด และเมื่อทวงถามไป กลับไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าตนมีความผิดอะไร ทราบเพียงว่าต้องการอายัดรถของตนกว่า 30 คัน ในข้อหา "สำแดงเท็จ" เท่านั้น”
ซึ่งวันนั้น บอย ยูนิตี้ยอมรับว่า เคยมีปัญหากับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในกระทรวงยุติธรรม และสงสัยว่าจะถูกกลั่นแกล้ง... (‘บอย ยูนิตี้’ ฟ้องดีเอสไอ 50ล. ทำธุรกิจเสียหาย โอดโดนบิ๊กยธ.กลั่นแกล้ง)
จากวันนั้น ถึงวันนี้ผ่านไปเพียง 9 วัน และแล้ว “บอย ยูนิตี้” ก็โดนเสียแล้ว! ซึ่งในเรื่องนี้คงต้องถามกับ เจ้าหน้าที่ กองปราบปราม ซึ่ง พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบก.ป. กล่าวกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่า คดีนี้เริ่มต้นขึ้น เมื่อมีผู้เสียหายหลายคนเข้ามาแจ้งความกับ กอง 1 ตำรวจกองปราบปราม ว่า ซื้อรถแล้ว ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม บางรายไปจดทะเบียนไม่ได้ รวมประมาณ 6-7 คัน ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับจะเป็นกลุ่มของผู้ต้องหาทั้งหมด
รอง ผบก.ป. กล่าวต่อว่า คันที่ถูกออกหมายจับในครั้งนี้คือ รถพอร์ช รุ่น พานาเมร่า โดยศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุมัติหมายจับวานนี้ (13 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมในวันนี้ โดยเราจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา กับรถลัมโบร์กินี อเวนทาดอร์ ด้วย มูลค่าประมาณ 32 ล้านบาท รวม 2 คันประมาณ 40 ล้านบาท
นอกจากนี้ จากที่เราตรวจสอบยังมีรถที่ต้องสงสัยอีกประมาณ 4 คัน มูลค่ากว่า 20 ล้าน รวมๆ แล้วก็ประมาณ 60 ล้านบาท ตอนนี้ควบคุมตัวสอบปากคำแล้ว โดยเบื้องต้นได้ตั้งข้อหาฉ้อโกงประชาชนไว้ก่อน ส่วนจะได้ประกันหรือไม่ ทางพนักงานสอบสวนจะมีการพิจารณากันอีกครั้งหนี่ง
สำหรับ การซื้อขายรถซุปเปอร์คาร์ ดังกล่าว จะมีการเรียกชื่อว่ากลุ่มเกรย์ มาร์เกต ซึ่งบริษัท นายอินทระศักดิ์ เป็นบริษัทหนึ่งที่ทำธุรกิจในด้านนี้ ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลเดินหน้าปราบปรามผู้นำเข้าบางกลุ่ม ที่ใช้ช่องทางในการหลบเลี่ยงภาษี ด้วยเทคนิคปลอมใบอินวอย (ใบเสร็จซื้อรถ) แสดงราคาต่ำ เพื่อเลี่ยงภาษี ซึ่งขณะนี้มีการตั้งกรรมการสอบสวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐไปแล้วนับร้อยคน