ตร.อุดรธานี แนะเหยื่อ ทอมกิตติยา รีบเข้าแจ้งความ หลังมีผู้เสียหายแสดงตัวแล้ว 11 ราย พบพาสปอร์ตอีก 23 เล่ม คาดเหยื่อบางคนยังไม่รู้ว่าถูกตุ๋น คาดเสียกว่า 10 ล้าน

เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 60 พล.ต.ท.มนูญ เมฆหมอก ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง แถลงข่าวจับนางสาวกิตติยา มุกสิกพันธ์ อายุ 30 ปี ตามหมายจับศาลแขวงอุดรธานี ในข้อฉ้อโกงทรัพย์ พร้อมกลางหนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ต 23 เล่ม ตราปั๊มปลอม 10 อัน สมุดบัญชีเงินฝาก 6 เล่ม คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง สำเนาเอกสารลูกค้า 200 แผ่น โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง (โผล่อีก! ทอมแฝดโชกุน ตุ๋นพาทำงานเกาหลี หมายจับนับสิบ สูญเงินเป็นล้าน)

พล.ต.ต.พีระพงศ์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาหลอกเหยื่อว่าจะพาไปทำงานเกษตร ที่ออสเตรเลีย เกาหลี และญี่ปุ่น โดยมีเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยประเทศนั้นจะมารับไปทำงาน โดยเสียค่านายหน้า 400,000-600,000 บาท เหยื่อบางรายถึงกลับต้องขายรถ จำนำบ้านเพื่อเอามาจ่ายค่านายหน้าให้ผู้ต้องหา ทั้งนี้ ผู้ต้องหามักจะใช้ข้ออ้างว่า เอกสารติดขัดที่สถานทูตไทย และจะเรียกเงินเรื่อยๆ ก็จะหลบหน้าหายไป ไม่สามารถติดต่อได้

...

ทั้งนี้ คาดหนังสือเดินทางทั้งหมด จะเป็นของแรงงาน ที่อยากจะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ เสียเงินค่านายหน้าไปแล้ว แต่ยังไม่ได้เดินทาง และยังไม่รู้ตัวว่าถูกหลอก แต่ผู้ที่รู้ตัวได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว 11 ราย เสียหายคนละ 50,000-600,000 แสนบาท เชื่อว่าจะเสียหายกว่า 10 ล้าน

นางสาวกิตติยา กล่าวว่า ตนได้หลอกลวงคนอยากไปทำงานต่างประเทศจริง โดยจะเข้าไปทักในเฟซบุ๊ก แล้วชักชวนไปทำงานประเทศเกาหลี ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น แบบไม่ผ่านกระทรวงแรงงาน ซึ่งจะต้องไปคนเดียว

เมื่อเข้าประเทศไปแล้วก็จะมีคนไทยในเกาหลี ญี่ปุ่น และออสเตรเลียมารับไปทำงาน ระยะแรกเข้าไปทำงานได้ แต่ระยะหลังทุกประเทศเข้มงวด ทำให้ไปไม่ได้ ตนจะหลอกให้แรงงานโอนเงินให้เรื่อยๆ จวนตัวก็ปิดโทรศัพท์หนีไปเช่าหอพักหลบซ่อนตัว แต่ยังทักเฟซบุ๊กหลอกลวงคนอยากไปทำงานต่างประเทศเรื่อยๆ ส่วนเงินที่ได้จะนำไปใช้จ่าย